ดาวโจนส์พักฐานหลังพุ่งนิวไฮต้อนรับไบเดน

ดาวโจนส์พักฐานหลังพุ่งนิวไฮต้อนรับไบเดน
Create at 3 years ago (Jan 22, 2021 12:15)

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพฤหัสบดี ปรับตัวลงหลังจากพุ่งขึ้นเมื่อวันพุธ ขานรับการเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโจ ไบเดน นอกจากนี้ นักลงทุนมีความกังวลว่าหุ้นเริ่มมีราคาแพง โดยขณะนี้ ค่า Forward P/E Ratio ของดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ 22.8 เท่า ซึ่งใกล้ระดับสูงสุดในช่วงเกิดฟองสบู่ดอทคอมในปี 2543 โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 12.37 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 31,176.01 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 1.22 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 3,853.07 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 73.67 จุด หรือ 0.55% ปิดที่ 13,530.92 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันพุธ หลังจากนายไบเดนเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 อย่างเป็นทางการ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่ของนายไบเดนจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาชาวสหรัฐและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการของนายไบเดนทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า รัฐบาลชุดใหม่จะเร่งผลักดันการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ หลังจากที่นายไบเดนได้นำเสนอมาตรการ “American Rescue Plan” วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ครอบคลุมถึงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากระดับ 7.25 ดอลลาร์/ชั่วโมงในปัจจุบัน สู่ระดับ 15 ดอลลาร์, การเพิ่มวงเงินในการส่งเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันเป็นคนละ 2,000 ดอลลาร์ จากเดิมที่ได้คนละ 600 ดอลลาร์ และเพิ่มวงเงินช่วยเหลือคนตกงานเป็น 400 ดอลลาร์/สัปดาห์ โดยจะขยายโครงการช่วยเหลือดังกล่าวไปจนถึงสิ้นเดือนก.ย.

ทั้งนี้ กฎหมายการผลิตยามสงครามจะให้อำนาจประธานาธิบดีสหรัฐในการสั่งการให้บริษัทต่างๆทำการผลิตในสิ่งที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งจะทำให้สหรัฐได้รับวัตถุดิบที่มีความจำเป็นในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 900,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 925,000 ราย จากระดับ 926,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ถึงแม้ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วต่ำกว่าระดับ 6.9 ล้านรายที่มีการรายงานในช่วงปลายเดือนมี.ค.2563 แต่ก็ยังคงสูงกว่าระดับ 665,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่ทำไว้ในช่วงปี 2550-2552 ซึ่งขณะนั้นเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่

Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES