BoC คงอัตราดอกเบี้ยท่ามกลางความกังวลเงินเฟ้อและการเติบโต

ธนาคารแห่งประเทศแคนาดา (BoC) ล่าสุดประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5% ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอในแคนาดา โดยก่อนหน้านี้ BoC ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 จุดในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม เพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่อง และเกินเป้าหมายของธนาคารที่ 2% เป็นเวลา 27 เดือนติดต่อกัน

ทั้งนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา แต่อัตราเงินเฟ้อแคนาดายังคงเป็นที่น่ากังวล โดยอัตราเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 3.3% และอัตราเงินเฟ้อหลักอยู่ที่ประมาณ 3.5% ในขณะที่ BoC ระบุว่าพร้อมที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหากแรงกดดันเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ แม้นักวิเคราะห์หลายคนจะเชื่อว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมไม่น่าจะเป็นไปได้ในอนาคตอันใกล้นี้

โดยเศรษฐกิจของแคนาดาล่าสุด เผชิญกับความล้มเหลวเมื่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหดตัวอย่างไม่คาดคิดที่ 0.2% ต่อปีในไตรมาสที่สอง สร้างความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม การหดตัวนี้เกิดขึ้นพร้อมกับความพยายามของธนาคารกลางในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่ BoC ยอมรับว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี กำลังสร้างแรงกดดันต่อผู้กู้ยืมในวงกว้าง และมีส่วนทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงเวลาปัจจุบันอ่อนแอลง โดยธนาคารกลางระบุว่าการชะลอตัวที่เกิดขึ้น มีความจำเป็นในการบรรเทาแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ

ทางด้าน Peter Routledge หัวหน้าหน่วยงานกำกับดูแลการธนาคารของแคนาดา ยอมรับว่าการทดสอบภาวะความเสี่ยงจากการจำนองในแคนาดานั้น มีความไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้กู้ที่มีอัตราการจำนองแบบผันแปรหรือลอยตัว ประสบปัญหาในการชำระคืนเงินกู้ของตนภายหลังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอย่างต่อเนื่อง โดยกฎการทดสอบภาวะวิกฤตซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมในปี 2564 ได้กำหนดให้ผู้กู้ต้องแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการชำระคืนเงินกู้ในอัตราที่สูงขึ้น 200 จุดพื้นฐานจากอัตราตามสัญญา

ทั้งนี้ Routledge ตั้งข้อสังเกตว่าสภาพแวดล้อมทางด้านความเสี่ยงสำหรับระบบการเงินของแคนาดานั้นกำลังเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สำนักงานกำกับดูแลสถาบันการเงินของประเทศแคนาดา (OSFI) จำต้องแก้ไขกรอบการกำกับดูแลใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2567 โดยการแก้ไขนี้ถือเป็นการยกเครื่องครั้งใหญ่และครั้งแรกในรอบ 25 ปี

โดยแม้แคนาดาจะเผชิญกับความท้าทายที่เกิดขึ้นจากต้นทุนการกู้ยืมและอัตราเงินเฟ้อที่สูง แต่ยังพบตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจเชิงบวกตามรายงานของ Ivey Purchasing Managers Index (PMI) จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของแคนาดาที่ดีดตัวขึ้นในเดือนสิงหาคมหลังจากการหดตัวในเดือนก่อน และนอกจากนี้ แคนาดายังบันทึกการขาดดุลการค้าน้อยกว่าที่คาดในเดือนกรกฎาคม โดยพบการส่งออกปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันคาโนลา เครื่องบิน และอุปกรณ์การขนส่ง

อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์แคนาดายังคงสร้างความกังวล เนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนและช่องว่างอัตราผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นระหว่างพันธบัตรสหรัฐฯ และแคนาดา ทำให้นักวิเคราะห์อาจต้องทบทวนการคาดการณ์ในระยะสั้น ในขณะที่คาดว่าค่าเงินดอลลาร์แคนาดาจะแข็งค่าขึ้นในระยะยาว

ทางด้านสหรัฐอเมริกา เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงแข็งค่าใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน โดยได้แรงหนุนจากกิจกรรมภาคบริการที่แข็งแกร่งและราคาที่สูงขึ้น ส่งผลให้เกิดความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงมีอยู่ โดยข้อมูลการว่างงานบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานอยู่ในเกณฑ์ดี ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจยังคงแนวโน้มนโยบายแบบเข้มงวดต่อไป

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD USD/CAD

แนวต้านสำคัญ : 1.3685, 1.3691, 1.3700

แนวรับสำคัญ : 1.3667, 1.3661, 1.3652                 

5H Outlook

ที่มา: Investing.com                                              

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.3657 - 1.3667 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.3667 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3686 และ SL ที่ประมาณ 1.3652 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3685 - 1.3695 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3705 และ SL ที่ประมาณ 1.3662 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3685 - 1.3695 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.3685 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3662 และ SL ที่ประมาณ 1.3700 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.3657 - 1.3667 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3640 และ SL ที่ประมาณ 1.3690 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Sep 08, 2023 2:00PM GMT+7

Sources: Investing 1, Investing 2