กระทิงเยือนตลาด!! ทองคำ พุ่งทะยานกว่า 3,900 จุด จาก Low $1,680 สู่ High ที่ 1,719 หลังยูโรแข็งค่าขึ้น จากการที่ ECB ปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 11 ปี มากถึง 50 bps รวมถึงปัจจัยที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมา “แย่เกินคาด” กดดันดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยปัจจุบันราคาทองคำได้มีการเคลื่อนไหวอยู่ที่ $1,713 ณ เวลาที่เขียน
สรุปผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประจำเดือน ก.ค.
| 1. ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000 เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ (หนุนยูโร, หนุนทองคำ) |
| 2. ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยโครงการใหม่ที่เรียกว่า Transmission Protection Instrument (TPI) ที่จะดำเนินการเข้าซื้อพันธบัตรจากประเทศที่มีหนี้สินจำนวนมาก เช่น อิตาลี โดยมีจุดประสงค์เพื่อจำกัดต้นทุนการกู้ยืมของประเทศสมาชิกที่มีหนี้จำนวนมากและ Anti-Fragmentation ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก (หนุนยูโร, หนุนทองคำ) |
ยูโร แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ที่ 1.0275 ขานรับธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงถึง 50 bps ซึ่งถือว่ามากกว่าที่ตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ (หนุนทองคำ)
ดัชนีดอลลาร์ อ่อนค่าลง 0.41% สู่ระดับ 106.605 โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของยูโรและการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แย่เกินคาด (หนุนทองคำ)
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ดิ่งลงสู่ระดับ -12.3 ในเดือน ก.ค. หลังจากแตะระดับ -3.3 ในเดือน มิ.ย. และดัชนีภาคการผลิตดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ที่ระดับ +1.6 (หนุนทองคำ)
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 251,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2564 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 240,000 ราย (หนุนทองคำ)
Bond Yield ร่วงลงในวันพฤหัสบดี โดยบอนด์ยีลด์อายุ 10 ปี ร่วงลงต่ำกว่า 2.9% โดยถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอลง ขณะที่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 11 ปี ของ ECB เปลี่ยนจุดสนใจของนักลงทุนไปสู่การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ (หนุนทองคำ)
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจัยต่าง ๆ จะหนุนราคา ทองคำ แต่ในด้านของดัชนี Dow Jones ที่ปิดเพิ่มขึ้น 162.06 จุด หรือ +0.51%, ดัชนี S&P500 ปิด +0.99% และดัชนี Nasdaq ปิด +1.36% ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทเทสลา ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดและการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า สกัดช่วงบวกทองคำ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% ในวันพฤหัสบดี (21 ก.ค.) หลังมีรายงานว่ารัสเซียได้กลับมาส่งก๊าซให้กับยุโรปผ่านทางท่อส่ง Nord Stream 1 แล้ว (กดดันทองคำ)
อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรติดตามทิศทางนโยบายทางการเงินของเฟดอย่างใกล้ชิด และสถานการณ์ความรุนแรงของสงคราม รวมถึง ควรมีการบริหารความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนให้ดี ขอให้โชคดีครับ
การวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคจากนักวิเคราะห์ FXTODAY
ในกรอบเวลา 1 ชั่วโมง ทองคำ พุ่งทะยานกว่า 3,900 จุด จาก Low $1,680 สู่ High ที่ 1,719 ก่อนจะเผชิญกับแนวต้านสำคัญ ทำให้ทองคำย่อตัวลงมาที่ $1,713 ณ เวลาที่เขียน
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มภาพรวมใหญ่ สามารถมองได้ว่า ทองคำ กำลังวิ่งในแนวโน้มขาลง (Downtrend) แม้ว่ากราฟจะสามารถ Break out เส้นเทรนด์ไลน์สีชมพูขึ้นไปได้ แต่ยังไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านสำคัญ โซน $1,730 ได้ บ่งบอกถึงปริมาณแรง Sell ที่ยังคงมีอยู่ในตลาด
อย่างไรก็ดี ในภาพรวมระยะสั้น ฝั่ง Buyer อาจมีความได้เปรียบมากกว่า หลังไม่สามารถผ่าน Demand Zone ที่วิเคราะห์ไว้เมื่อวานก่อน และได้ดีดตัวขึ้นทะลุแนวต้านทางจิตวิทยาที่ $1,700 ไปได้ แต่กราฟยังคงมีโอกาสลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่โซน $1,703-$1,699 เพื่อ Re-Test เส้นเทรนด์ไลน์สีชมพู และเพื่อสร้างโมเมนตัมในการที่จะขึ้นต่อ โดยหากกราฟไม่สามารถดิ่งลงทะลุแนวรับสำคัญดังกล่าวไปได้ ก็มีโอกาสที่กราฟจะปรับตัวขึ้นไปมาทดสอบแนวต้านสำคัญที่ $1,723 / $1,733 / $1,745 ตามลำดับ (โซนนี้สามารถ Sell ได้) ในทางตรงกันข้าม หากสามารถพุ่งขึ้นทะลุโซนแนวรับสำคัญดังกล่าวไปได้ ก็มีโอกาสลงมาทดสอบแนวรับที่โซน $1,693-$1,680 ซึ่งถ้าหากกราฟพุ่งขึ้นเข้าสู่โซนกรอบสีแดง ให้เรายอมแพ้ก่อน (Stop Loss) แล้วรอเข้าออเดอร์ Buy ใหม่อีกครั้งในโซนที่มีนัยสำคัญ (Demand Zone) อย่าลืมบริหารความเสี่ยงกันนะครับ
แนวต้านสำคัญ: 1,723 / 1,733 / 1,745
แนวรับสำคัญ: 1,709 / 1,703 / 1,693
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: Blog
รู้เท่าทันข่าว&สถานการณ์โลก: News
Updated
1 year ago
(Jul 22, 2022 12:10)
