.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (6 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยความกังวลดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี การส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องพึ่งพาผลกำไรจากอัตราดอกเบี้ย ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นทะลุระดับ 80 ดอลลาร์

.

สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 62.0 ในเดือนธ.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 66.8 หลังจากพุ่งแตะ 69.1 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2540

.

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 207,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 195,000 ราย

.

Elsa Lignos หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ FX ของ RBC Capital Markets กล่าวว่าในขณะที่ความคาดหวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2022 ได้หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ความเป็นไปได้ที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2023 อาจเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสกุลเงิน

.

Steven Ricchiuto หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่ Mizuho Securities USA LLC ในนิวยอร์ก คาดการณ์ว่าดัชนีค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นปี 2022 ไปที่ระดับ 98 โดยมีความเป็นไปได้ที่อาจ "พุ่ง" ไปที่ 100

.

.