กองทุน Wall Street ไม่เข็ด ! เข้า Short Sell Bitcoin

กองทุน Wall Street ไม่เข็ด ! เข้า Short Sell Bitcoin
Create at 3 years ago (Feb 03, 2021 11:46)

กองทุน Wall Street ยังไม่เข็ด ! เข้า Short Sell Bitcoin เพิ่มขึ้นจนมูลค่าสูงทะลุ 1 พันล้านเหรียญไปแล้ว ! บิทคอยน์อาจจะเป็นสนาบรบใหม่ระหว่าง เม่าทั่วโลก กับ กองทุน ที่ต้องสู้กันไปอีกยาว

1. ถึงแม้ว่าในโลกนี้ (รวมถึงประเทศเราเองด้วย) จะมีคนที่เชื่อในอนาคตของ Bitcoin กันเยอะมาก เรียกได้ว่าทยอยเก็บสะสมและซื้อมันทุกครั้งที่ราคาร่วงลงมากันอย่างบ้าคลั่ง แต่เราต้องยอมรับกันจริงๆว่าผู้เล่นในตลาดที่อยู่ฝั่งซื้อ (Long) ส่วนมากนั้นยังเป็นรายย่อยทั้งนั้น

และตลาดที่มีรายย่อยเยอะนี่แหละ คือตลาดที่เหล่ากองทุนเก็งกำไรหรือ Hedge Funds จะชอบเข้ามาเล่น

2️. เราอาจได้ยินกันมาว่ากองทุนสถาบันเริ่มที่จะเปลี่ยนการถือครองทองมาเป็น Bitcoin กันบ้างแล้ว แต่อย่าลืมว่า ส่วนใหญ่ที่เราได้ยินคือนักลงทุนสถาบันนี่นกำลังแค่เริ่มคิดเท่านั้น และส่วนมากเป็นการเปลี่ยนข้ามมาถือ Bitcoin เพื่อกระจายความเสี่ยง ไม่ใช่เพราะความเชื่อใน Bitcoin จริงๆแบบทุ่มสุดตัว

3️. รวมถึงตัว Ray Dalio เองที่เพิ่งจะออกมากล่าวว่าเขาเองก็เริ่มที่จะคิดศึกษาการเปลี่ยนสัดส่วนในการถือทองคำของเขามาเป็น Bitcoin บ้างแล้วเช่นกัน

หาก Ray เข้ามาร่วมในตลาดนี้จริง ก็อาจจะเป็นข่าวที่ช่วยดัน Bitcoin ในอนาคตได้ไม่น้อย แต่ต้องยอมรับว่าตลาดทุกวันนี้ ความเคลื่อนไหวรายวันยังเป็นการต่อสู้ระหว่างรายย่อยและย่ายใหญ่เป็นหลัก

4️. รายงานล่าสุดจาก CNBC ได้ประกาศว่าเหล่ากองทุนเก็งกำไรหรือ Hedge Funds พวกกลุ่มเดียวกันกับที่ Short Sell หุ้น GameStop ก็ได้ทำการ Short Sell Bitcoin ด้วยมาตลอด

และล่าสุดหลังจากที่ Elon Musk เปลี่ยน Status มาเป็น Bitcoin บท Twitter เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว จนราคา Bitcoin พุ่งทันที +20% ทางเหล่ากองทุนก็เร่งเข้ามา Short กันมากขึ้นไปอีก ! (เกลี่ยดอะไรลูกพี่ Elon กันหรือป่าวเนี่ย คล้ายกับการที่ไป Short หุ้น Tesla (NASDAQ:TSLA) เขาไว้หนักก่อนหน้านี้เลย)

5️. ล่าสุดปริมาณการ Short Sell สูงทะลุมูลค่า 1 พันล้านเหรียญไปแล้ว และเชื่อว่าเป็นปัจจัยนึงที่ทำให้ราคา Bitcoin ร่วงกลับลงมาที่เดิมใกล้ๆกับที่ก่อน Elon Musk เปลี่ยน Status Twitter อีกครั้งที่ระดับประมาณ 34,000 เหรียญอีกครั้ง

ถึงแม้ปริมาณการ Short Sell ของเหล่ากองทุนจะยังไม่มาก (โดยรวมน่าจะประมาณไม่ถึง 1% ของมูลค่าตลาดโดยรวม) แต่มันก็ส่งสัญญาณที่สำคัญทีเดียว

6️. นี่เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ชี้รายย่อยทั่วโลกเห็นว่าพวกเหล่ากองทุนจาก Wall Street นั้น จ้องที่จะเก็บเงินคุณอยู่ในทุกๆตลาดทั่วโลก

7️. ทุกๆครั้งที่ตลาดเป็นขาขึ้นส่วนมากทางกองทุนจะทำการรีบเข้ามาช้อนซื้อกันไว้ก่อน ทำให้รายย่อยเข้ามาซื้อราคาต้นๆกันไม่ทัน แต่พอดันราคาไปได้สูงมากและดูท่าว่าจะยังไม่มีทางกลับไปทำ New High ได้อีกครั้ง ทางกองทุนจะค่อยๆทยอยเพิ่ม Short Position เข้ามาเรื่อยๆ เมื่อไหร่ก็ตามที่รายย่อยพยายามจะซื้อที่ราคาแถวๆ New High ล่าสุด

8️. และถ้าเวลาผ่านไปปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และข่าวดีๆก็ได้รับรู้ไปหมดแล้ว ทางเหล่ากองทุนก็จะออกมาเพิ่ม Short Position สูงขึ้นสูงขึ้น กดราคาลงจนทำให้เกิดกลายมาเป็น ดอย นั้นเอง

9️. และหลายครั้งพอมีดอยเกิดขึ้นทางกองทุนก็จะเริ่มเล่น Momentum เกมส์กับรายย่อยแล้ว โดยการ Short หนักขึ้น (ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้คิดว่าราคาจะลงก็ตาม) แต่ก็จะพยายามกดราคาให้ฝั่งรายย่อยทั้งหมดนั้นยอมขายขาดทุนไป ด้วยความคิดที่รายย่อยบางรายอาจคิดว่าตลาดคงไม่สามารถกลับไปที่ดอยได้ใหม่อีกแล้ว

10. การเล่น Momentum Play เช่นนี้ก็คล้ายๆกับที่แมงเม่า Reddit พยายามดันให้กองทุนต้องปิด Short Position หรือการทำ Short Sqeeze นั้นเอง เป็นเกมส์การเล่นเพื่อบี้ฝั่งตรงข้าม ไม่ใช่เป็นการดันราคาเพราะคิดว่าปัจจัยพื้นฐานดี

แต่สิ่งที่ต่างกันคือ ฝั่งกองทุนนั้นทำอยู่ตลอดเวลาเป็นประจำและทำทั้งขาขึ้นและขาลง

การที่สัญญา Short Position ของเหล่ากองทุนใน Bitcoin สูงขึ้นเรื่อยๆนั้นหมายความว่าอย่างไร ? และ เราควรจะจับตามองตรงไหนบ้าง ?

11.จากสัญญาณเช่นนี้ จุดที่สำคัญที่สุดของตลาด Bitcoin ตอนนี้จะอยู่ที่ 41,616 เหรียญ หรือระดับราคา All Time High ของ Bitcoin นั้นเอง

12. แอดเชื่อว่าหากไม่ได้มีปัจจัยพื้นฐานอะไรเปลี่ยนแปลง และราคายังคงดันอยู่โดยกลุ่มรายย่อย กองทุนจะยังคง Short Sell เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างน้อยก็จนกว่าราคาจะทะลุ All Time High อีกครั้ง

13. แต่ถ้าปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น มีการยอมรับการใช้ Bitcoin กว้างขวางขึ้น มีกองทุนสถาบันโยกเงินเข้า Bitcoin มากขึ้น ก็อาจจะทำให้เหล่า Hedge Funds พวกนี้หนีไปได้ก่อนและไม่ Short เพิ่ม (เพราะเขาพวกนี้ข่าวไวกว่าเราอยู่แล้ว)

และพวกเขาอาจจะรีบซื้อ Short Position กลับและดันให้ราคาขึ้นไปทดสอบระดับ High อีกรอบ ไปรอดูว่าถ้ามีแรงซื้อดันราคาให้ทะลุไปได้ กองทุนก็จะซื้อตามน้ำไป แต่ถ้าทะลุไม่ได้ก็จะเทขายลงมาอีกรอบ (หรือที่ทำให้เกิดสัญญาณ Double Top ที่เห็นกันเป็นประจำนี่เอง)

14. แต่ถ้าพวกเขายังคง Short มากขึ้นเรื่อยๆและรายย่อยหรือสถาบันยังดันตลาดได้สูงกว่าระดับ 41,616 เหรียญ แอดเชื่อว่าจะต้องเกิดสถานการณ์ที่เรียกว่า เขื่อนแตก แน่ๆ

พอถึงจุดนั้นเหล่า Hedge Funds จะต้องเข้ามา Short Cover (หรือซื้อสัญญา Short ปิด) อย่างที่เราเห็นกับหุ้น GameStop จนทำให้ราคาดีดขึ้นไปได้หลายเท่า

15. หรืออย่างเดียวกับที่เราเห็นกับเมื่อตอนราคา Bitcoin เพิ่งทะลุผ่านระดับ All Time High ของ 2017 ก่อนหน้านี้ที่ 19,834 เหรียญได้

เราจะเห็นได้ว่าเมื่อราคา Bitcoin ทะลุผ่านระดับนี้ไปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมานั้น ราคาก็ได้ดีดขึ้นไปอีกทันทีเกินกว่า 2 เท่าจนราคา Bitcoin ขึ้นไปแตะ 41,616 เหรียญเมื่อต้นเดือนมกราคมปีนี้

16. เราจะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่กองทุนต้องทำ Short cover เมื่อราคาทะลุ Break จุด High ที่สำคัญ กองทุนจะชอบรีบไล่ราคาให้ขึ้นไปสูงๆไว้ก่อนเลย เพื่อรอรายย่อยเข้ามาซื้อทีหลัง และเมื่อรายย่อยซื้อกันเยอะขึ้นเรื่อยๆจนเกือบหมด กองทุนจะค่อยรอกลับไป Short ใหม่เมื่อราคาเริ่มดันไม่ขึ้นแล้ว

ทางแอดจึงนิยมที่จะถือสินทรัพย์ที่มีความผันผวนจากการกดและดันราคาของกองทุนเป็นระยะยาวมากกว่า (เว้นแต่คุณเชื่อในความสามารถในการเทรดทางเทคนิคของคุณจริงๆ)

17. เพราะไม่ว่าความผันผวนระหว่างทางจะเป็นเช่นไรเราก็จะไม่ต้องกังวล และหากเราเข้าออกบ่อย ถ้าจังหวะเราพลาดไปต่อให้ได้กำไรแต่เราไปขายกำไรออกไปเร็ว และรอเข้าตลาดใหม่อีกครั้ง % การจะทำกำไรได้เรื่อยๆโดยรวมอาจจะน้อยกว่าถือยาวๆด้วยซ้ำ (สำหรับสินทรัพย์ที่กำลังอยู่ในขาขึ้นหรือลง ไม่ใช่ Side Ways)

18.อย่างที่เคยอธิบายไปทางแอดไม่ได้เทรด Bitcoin โดยตรง แต่ว่าได้แบ่งสัดส่วนกระจายความเสี่ยงในการถือหุ้นในระบบการเงินปัจจุบันไปเป็น Bitcoin ที่ 1%-2% ไปเรียบร้อยแล้วอย่างที่เคยเขียนไป

หมายเหตุ: ที่ต้องพูดตรงนี้ไม่ได้เป็นการเชิญชวน แต่อย่างแค่แชร์ให้ชัดเจนจะได้ทราบมุมมองของแอด

มาติดตามดูกันว่าศึกในครั้งนี้รายย่อยจะรวมตัวกันดันให้กองทุน Hedge Funds ต้องโดน Short Squeezed ได้อีกหรือไม่ ?

Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES