หุ้นสหรัฐฯ ทะยานสู่ระดับสูงสุด การเปลี่ยนแปลงจาก AI และการคาดการณ์การประชุมเฟด

ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟิวเจอร์สขยับสูงขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเตรียมพร้อมสำหรับสัปดาห์การซื้อขายในช่วงวันขอบคุณพระเจ้า จุดสนใจอยู่ที่การเผยแพร่รายงานการประชุมจากเฟดและรายงานผลประกอบการล่าสุดของบริษัทต่างๆ ขณะที่สัปดาห์นี้เริ่มต้นด้วยดัชนีหลักของวอลล์สตรีทปิดตัวสูงขึ้น นำโดย Nasdaq ด้วยการปรับตัวขึ้น 1% โดยได้แรงหนุนจากหุ้นที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์จาก Microsoft หลังจากว่าจ้างผู้บริหาร AI ที่มีชื่อเสียง

ทางด้านเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสองเดือน โดยได้แรงกดดันจากการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อาจถึงจุดสูงสุดแล้ว ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นในวงกว้าง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลงหลังการประมูล ขณะที่ราคาน้ำมันล่วงหน้าทั่วโลกเพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์จากการคาดการณ์การลดอุปทาน

ทั้งนี้ เซสชั่นก่อนหน้านี้ ดัชนีหลักของวอลล์สตรีทปิดสูงขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้ Dow ปิดตัวสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม และ Nasdaq ปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม โดยได้แรงหนุนที่สูงขึ้นในภาคเทคโนโลยี โทรคมนาคม และการบริการผู้บริโภค ขณะที่ S&P 500 ปิดสูงขึ้น เหนือ 4,500 ครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมและเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน

หุ้น Microsoft เพิ่มขึ้น 2% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังการว่าจ้าง Sam Altman เป็นผู้นำทีมวิจัย AI ขั้นสูงชุดใหม่ ขณะที่หุ้นของ Nvidia เพิ่มขึ้น 2% สู่ระดับสูงสุดตลอดกาลก่อนการรายงานผลประกอบการรายไตรมาส ซึ่งถือเป็นมาตรวัดสำคัญสำหรับการประเมินความต้องการ AI ท่ามกลางข้อจำกัดด้านชิปของสหรัฐฯ และการแข่งขันจาก Microsoft

ทางด้าน Boeing เพิ่มขึ้นมากกว่า 4% หลังจาก Deutsche Bank เพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือในการเข้าซื้อ โดยคาดว่าการส่งมอบเครื่องบินที่เพิ่มขึ้นจะช่วยเพิ่มกระแสเงินสดได้ ขณะที่ Zoom Video Communications เพิ่มขึ้นมากกว่า 1% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ หลังการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่ง

ในขณะเดียวกัน กลุ่มหุ้นในภาคพลังงานได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น หลังจากความคาดหวังของผู้ผลิตรายใหญ่ที่กำลังหารือเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิต

ทางด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น โดยพบตลาดตราสารหนี้ปรับตัวเข้ากับภูมิทัศน์ใหม่ตามคำแถลงของเจอโรม พาวเวลล์และข้อมูลเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลง ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในฤดูร้อนปีหน้า ซึ่งการเปิดเผยรายงานการประชุมเดือนพฤศจิกายนในวันอังคารนี้จะสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ได้ ในขณะที่ปริมาณการซื้อขายในวัน Black Friday จะเป็นตัวบ่งชี้สำคัญเกี่ยวกับการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้

อย่างไรก็ดี Moody's Investors Service หรือมูดีส์ ระบุถึงตลาดการเงินที่แม้จะยังคงความผันผวนในช่วงนี้ แต่ความต้องการเชิงโครงสร้างสำหรับหนี้ของสหรัฐฯ ที่สนับสนุนระบบการเงินทั่วโลกยังคงมีความแข็งแกร่ง หลังจากที่เมื่อต้นเดือน มูดี้ส์ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ลงเหลือ " Negative" หรือมุมมองเป็นลบ จากการขาดดุลทางการคลังและความสามารถในการชำระหนี้ที่ลดลง

โดยในสัปดาห์นี้ จะมีการเผยแพร่รายงานการประชุม FOMC ในเดือนพฤศจิกายนและรายงานผลประกอบการจากบริษัทต่างๆ เช่น Nvidia, Zoom Video, Lowe's, Medtronic และบริษัทอื่นๆ จึงอาจส่งผลให้ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมสามารถคงแนวโน้มเชิงบวกนี้ได้ในช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปีหน้า

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD US30 DJIA

แนวต้านสำคัญ : 35180.4, 35192.1, 35211.1

แนวรับสำคัญ : 35142.4, 35130.7, 35111.7         

5H Outlook       

ที่มา: Investing.com

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 35092.4 - 35142.4 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 35142.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 35190.8 และ SL ที่ประมาณ 35067.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 35180.4 - 35230.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 35255.0 และ SL ที่ประมาณ 35117.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 35180.4 - 35230.4 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 35180.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 35141.1 และ SL ที่ประมาณ 35255.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 35092.4 - 35142.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 35080.0 และ SL ที่ประมาณ 35205.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Nov 21, 2023 09:33AM GMT+7