เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า ยูโรเผชิญกับแรงกดดันที่ยืดเยื้อ

เช้าวันพุธ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง ในขณะที่เงินยูโรเผชิญกับความท้าทายท่ามกลางแนวโน้มการเติบโตที่มืดมนในยูโรโซน

เงินยูโรซึ่งมีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญต่อดัชนีดอลลาร์ ถูกกดดันจากสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยในภูมิภาค โดยจากข้อมูลการสำรวจเมื่อวันอังคาร เผยให้เห็นกิจกรรมทางธุรกิจในยูโรโซนลดลง บ่งบอกถึงความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนยังคงเป็นที่น่ากังวล หลังจากมากกว่าครึ่งหนึ่งของรายการสินค้าในดัชนี Harmonized Index of Consumer Price (HICP) ลดลงในเดือนกันยายน ในขณะที่อัตรายังคงสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรป และอาจสร้างผลกระทบที่ซับซ้อนสำหรับทั้งอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานและทั่วไป

นอกจากนี้ แนวโน้มทางเศรษฐกิจของยูโรโซนยังได้รับผลกระทบจากผลการสำรวจของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ที่แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางธุรกิจในวงกว้างปรับตัวลดลง โดยเฉพาะในเยอรมนี ซึ่งแนวโน้มภาวะถดถอยในเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป ประกอบกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงและราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น ได้ส่งสัญญาณถึงเส้นทางในการฟื้นตัวที่ท้าทาย ในขณะที่กิจกรรมทางธุรกิจในฝรั่งเศสยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำถึงการต่อสู้ทางเศรษฐกิจของยูโรโซน

โดยแม้ว่ายูโรโซนจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยมาได้อย่างหวุดหวิด แต่คาดว่าเศรษฐกิจจะยังคงซบเซาในไตรมาสปัจจุบัน หลังจากที่ธนาคารในกลุ่มยูโรโซนเพิ่มความเข้มงวดในการเข้าถึงสินเชื่อ เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงและแนวโน้มเศรษฐกิจที่ถดถอย ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มทางเศรษฐกิจในการปรับตัวลดลงอีก

อีกทั้ง แม้ว่าภาคการจ้างงานจะยังคงแข็งแกร่ง แต่ธนาคารคาดการณ์ว่าอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยแม้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว แต่ผู้กำหนดนโยบายยังคงเตรียมพร้อมให้ประชาชนรับมือสำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่จะยังคงสูงต่อไป จนถึงปี 2025 เพื่อให้แน่ใจว่าแรงกดดันเงินเฟ้อจะผ่อนคลายลง

ทั้งนี้ ความท้าทายทางเศรษฐกิจของเยอรมนีทวีความรุนแรงขึ้น จากการสำรวจเบื้องต้นที่ระบุว่ากิจกรรมทางธุรกิจของประเทศหดตัวเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ส่งสัญญาณถึงภาวะถดถอยเต็มรูปแบบ โดยจากรายงานของ Bundesbank ระบุว่าการชะลอตัวเป็นผลมาจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง ภาคการก่อสร้างที่หดตัว และการบริโภคที่อ่อนแอลง ซึ่งการหดตัวที่เกิดขึ้นอีกครั้งในครั้งนี้ จะถือเป็นการเติบโตติดลบหรือทรงตัวติดต่อกันถึงสี่ไตรมาส ส่งผลให้เยอรมนีเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผลงานทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอที่สุดในยูโรโซน

ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ทางการคลังในฝรั่งเศสยังคงความท้าทาย หลังจากความพยายามในการลดการขาดดุลงบประมาณตามที่วางแผนไว้ ท่ามกลางการปฏิรูปในด้านต่างๆ เช่น เงินบำนาญและการว่างงาน โดยยังคงความจำเป็นและความพยายามที่มากขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงิน ในขณะที่งบประมาณปี 2024 ประกอบไปด้วยมาตรการต่างๆ เพื่อลดระดับหนี้และเพิ่มเงินคลัง โดยมุ่งเน้นไปที่การยุติมาตรการช่วยเหลือในการตรึงราคาก๊าซและพลังงาน

อีกด้าน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น โดยได้แรงหนุนจากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจเชิงบวกหลายประการที่เน้นย้ำถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับสหภาพยุโรป โดยผลผลิตทางธุรกิจของสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้นในเดือนตุลาคม และภาคการผลิตฟื้นตัวหลังจากหดตัวในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่กิจกรรมภาคบริการพบว่าเร่งตัวเล็กน้อย พร้อมสัญญาณที่อาจบ่งบอกว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายลง

อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินโลกเมื่อเร็วๆ นี้ยังคงได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ซึ่งผลักดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี สูงกว่า 5% นับเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2007 และผลักดันให้ดัชนีดอลลาร์แตะระดับเกือบสูงสุดในรอบหนึ่งปี ก่อนที่อัตราผลตอบแทนจะลดลงอย่างกะทันหันในเวลาต่อมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอ่อนไหวของตลาดการเงินต่อปัจจัยภายนอกต่างๆ จึงคาดว่าจะส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงความผันผวนปรับตัวขึ้นลงในกรอบขาชึ้นได้ในช่วงนี้ ขณะที่คาดว่าเงินยูโรจะมีแนวโน้มถูกกดดันในกรอบขาลงไปอีกระยะหนึ่ง

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD EUR/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.0596, 1.0599, 1.0602

แนวรับสำคัญ : 1.0590, 1.0587, 1.0584                            

5H Outlook

ที่มา: Investing.com    

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.0580 - 1.0590 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.0590 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0599 และ SL ที่ประมาณ 1.0575 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0596 - 1.0606 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0610 และ SL ที่ประมาณ 1.0585 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0596 - 1.0606 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.0596 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0590 และ SL ที่ประมาณ 1.0611 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.0580 - 1.0590 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0575 และ SL ที่ประมาณ 1.0601 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Oct 25, 2023 10:03AM GMT+7

Sources: Investing 1, Investing 2