หุ้นเทคโนโลยีหนุนตลาดสหรัฐฯ ท่ามกลางการคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันจันทร์ ได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี การบริการ และวัสดุพื้นฐาน โดยหุ้นในกลุ่มภาคการธนาคารปรับตัวลง ท่ามกลางความต้องการหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะในกรณีของ Nvidia (NASDAQ:NVDA) ซึ่งพุ่งขึ้นก่อนการเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจที่กำลังจะมาถึงและคาดว่าจะบ่งบอกทิศทางหรือแนวโน้มของผู้บริโภคได้

ทั้งนี้ S&P 500 และ Nasdaq มีการเคลื่อนไหวในกรอบขาขึ้น โดยได้แรงหนุนจาก Nvidia ที่พุ่งขึ้นสูงหลังการเผยแพร่บทวิเคราะห์ของ Morgan Stanley โดยการพุ่งขึ้นของราคาหุ้น Nvidia ยังส่งผลต่อการเติบโตที่เพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มธรุกิจขนาดใหญ่อื่นๆ และขับเคลื่อนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีขึ้น 1.85% ซึ่งนับเป็นกลุ่มธุรกิจที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาดัชนี S&P 500

อย่างไรก็ดี ในระหว่างการซื้อขายนอกเวลาทำการของวันจันทร์ ฟิวเจอร์สของหุ้นสหรัฐฯ พบการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยหลังจากช่วงการซื้อขายในเชิงบวกเมื่อช่วงต้นวัน โดยนอกจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง NVIDIA Corporation (NASDAQ:NVDA) แล้ว Microsoft Corporation (NASDAQ:MSFT) และ Alphabet (NASDAQ:GOOGL) ยังพบการซื้อขายในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนคว้าโอกาสในการเข้าซื้อหลังจากลดลงก่อนหน้านี้ในสัปดาห์ที่แล้ว

ทั้งนี้ การลดลงของหุ้นภาคเทคโนโลยีเมื่อเร็วๆ นี้ได้ดึงดูดนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของหุ้น Nvidia กว่า 7% ได้รับแรงหนุนจาก Morgan Stanley ที่วิเคราะห์เกี่ยวกับโอกาสในการเข้าซื้อ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสินค้าคงคลังและความต้องการของชิปเนื่องจากความท้าทายทางเศรษฐกิจของจีน ในขณะที่ Morgan Stanley คาดการณ์ว่าความต้องการ AI จะเพิ่มขึ้น และอาจส่งเสริมการลงทุนในศูนย์ข้อมูลและผลักดันการเติบโตของ Nvidia ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของตลาดโลกยังคงถูกจำกัดเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่มีการกู้ยืมและความเสี่ยงสูง โดยการตัดสินใจของ Country Garden บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของจีน ที่จะชะลอการจ่ายผลตอบแทนจากพันธบัตรได้สร้างความตึงเครียดและความไม่แน่นอนในตลาด ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนหันไปให้ความสนใจสินทรัพย์ปลอดภัยจากความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนอีกครั้ง

ทั้งนี้ จุดสนใจในตลาดในสัปดาห์นี้จะมุ่งเน้นไปที่รายงานผลประกอบการรายไตรมาสของผู้ค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึง Walmart (NYSE:WMT) และ Target โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่จะเผยแพร่นี้คาดว่าจะช่วยบ่งบอกความคาดหวังเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ต่อไป โดยตลาดคาดการณ์ว่าจะได้รับรายงานเชิงบวกซึ่งได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากวัน Prime Day ของ Amazon (NASDAQ:AMZN) และจากรายงานประจำไตรมาสของบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่รายอื่นๆ ของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ รายงานการใช้จ่ายที่แข็งแกร่งอาจท้าทายแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ เกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ โดยตลาดได้คาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวนมากในปีหน้า ตั้งแต่ประมาณเดือนมีนาคม ในขณะที่การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจ เช่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนและการใช้จ่ายของผู้บริโภค ตลอดจนรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ครั้งล่าสุดและตัวเลขเงินเฟ้อของอังกฤษ จะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดตลอดทั้งสัปดาห์ จึงอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมปรับตัวขึ้นลงในกรอบ ในขณะที่แนวโน้มขาขึ้นคาดว่าจะยังคงถูกจำกัด

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD US30 DJIA

แนวต้านสำคัญ : 35341.2, 35371.2, 35419.6

แนวรับสำคัญ : 35244.4, 35214.4, 35166.0

5H Outlook

ที่มา: Investing.com    

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 35204.4 - 35244.4 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 35244.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 35375.5 และ SL ที่ประมาณ 35190.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 35341.2 - 35381.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 35430.0 และ SL ที่ประมาณ 35230.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 35341.2 - 35381.2 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 35341.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 35244.4 และ SL ที่ประมาณ 35395.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 35204.4 - 35244.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 35155.0 และ SL ที่ประมาณ 35356.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Aug 15, 2023 09:30AM GMT+7

Sources: Investing 1, Investing 2