อัตราเงินเฟ้อยูโรโซนผ่อนคลาย ECB พิจารณาหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยท่ามกลางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน

อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนลดลงอีกในเดือนกรกฎาคม รวมไปถึงดัชนีส่วนใหญ่ที่บ่งชี้เกี่ยวกับการเติบโตของราคาพื้นฐาน คาดว่าอาจช่วยลดความกังวลให้กับธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่กำลังพิจารณาถึงจุดสิ้นสุดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทั้งนี้ ราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 5.3% ในเดือนกรกฎาคม เทียบกับ 5.5% ในเดือนมิถุนายน ส่อแนวโน้มลดลงตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วง และหากไม่รวมราคาพลังงานและอาหารสด พบว่าดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 6.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 6.8% ในเดือนก่อนหน้า โดยแม้จะยังห่างไกลจากกรอบเป้าหมายที่ 2% ของ ECB แต่อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ได้ว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังอยู่ในช่วงขาลงอย่าค่อยเป็นค่อยไป และอาจหนุนการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปได้

ทางด้านราคาบริการยังคงโดดเด่น โดยเพิ่มขึ้น 5.6% ต่อปีในเดือนกรกฎาคม ซึ่งคาดว่าเกิดจากการเติบโตของค่าจ้างที่เป็นตัวเงิน และการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นสำหรับการท่องเที่ยวและความบันเทิงหลังโควิด-19 อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อในภาคบริการที่สูงและการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาอาหารที่ 9.2% ก็อาจสร้างความกังวลให้กับ ECB ที่กังวลถึงการเติบโตของราคาที่หนืดเกินไป

ทางด้านกิจกรรมการผลิตทั่วยูโรโซน พบการหดตัวในเดือนกรกฎาคมในอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่การระบาดของ COVID-19 แม้ว่าโรงงานหลายแห่งจะมีการปรับลดราคาลง โดยเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลีต่างพบอุปสงค์ที่ลดลงอย่างชัดเจนมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน

อย่างไรก็ดี ยูโรโซนโดยรวมกลับมาเติบโตในไตรมาสที่สองของปี 2566 โดย GDP ขยายตัว 0.3% ซึ่งเกินความคาดหมาย ในขณะที่ฝรั่งเศสและสเปนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเยอรมนีไม่มีการเติบโต และอิตาลีเผชิญการหดตัว อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของกลุ่มเศรษฐกิจยังคงไม่แน่นอน เนื่องจากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ลดลง ระดับกิจกรรมที่ซบเซา และความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ทั้งนี้ ในเยอรมนี พบการส่งออกชะงักในเดือนมิถุนายน และภาคอสังหาริมทรัพย์เผชิญกับความตึงเครียด ซึ่งนำไปสู่การล้มละลายและราคาหุ้นที่ลดลงในหลายบริษัท ในขณะเดียวกัน อัตราการว่างงานของเยอรมันกลับลดลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนกรกฎาคม แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในตลาดแรงงานท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบาก

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนลดลงเป็นเดือนที่สามติดต่อกันในเดือนกรกฎาคม โดยมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้น หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรปปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่เก้า และกำลังพิจารณาหยุดชั่วคราวในเดือนกันยายน เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายและความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ทางด้านสหรัฐฯ ค่าเงินดอลลาร์แตะระดับสูงสุดในรอบสี่สัปดาห์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก แม้ว่า Fitch จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลง โดยข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนคาดว่าได้สนับสนุนดอลลาร์ บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานอย่างต่อเนื่อง และแม้ว่าการปรับลดอันดับเครดิตอาจสร้างความกังวลเกี่ยวกับฐานะการคลังของสหรัฐฯ และสถานะค่าเงินดอลลาร์ทั่วโลก แต่ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ นี้ได้บรรเทาความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยลง จึงคาดว่าจะส่งผลให้เงินยูโรมีแนวโน้มทรงตัวในกรอบ ไปจนถึงอ่อนค่ากว่าเงินดอลลาร์ได้เล็กน้อยในช่วงนี้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD EUR/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.0961, 1.0965, 1.0971

แนวรับสำคัญ : 1.0949, 1.0945 , 1.0939                 

5H Outlook

ที่มา: Investing.com                        

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.0939 - 1.0949 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.0949 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0964 และ SL ที่ประมาณ 1.0934 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0961 - 1.0971 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0980 และ SL ที่ประมาณ 1.0944 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0961 - 1.0971 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.0961 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0948 และ SL ที่ประมาณ 1.0976 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.0939 - 1.0949 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0932 และ SL ที่ประมาณ 1.0966 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Aug 04, 2023 10:56AM GMT+7

Sources: Investing 1, Investing 2