ราคาถั่วเหลืองเผชิญกับความไม่แน่นอนท่ามกลางอุปสงค์และอุปทานที่ตึงตัว

ราคาถั่วเหลืองพบการเคลื่อนไหวที่หลากหลายโดยส่วนใหญ่มีแนวโน้มสูงขึ้น การจัดอันดับคุณภาพผลผลิตล่าสุดแสดงให้เห็นว่า 50% ของถั่วเหลืองในสหรัฐอเมริกาจัดอยู่ในอันดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2012 โดยเดือนสิงหาคมนับเป็นช่วงที่สำคัญสำหรับการเพาะปลูกถั่วเหลือง แต่ด้วยพื้นที่เพาะปลูกที่ต่ำกว่าที่คาดไว้ จึงส่งผลให้สภาพอากาศเป็นปัจจัยสำคัญในการเพาะปลูกถั่วเหลืองให้ได้ผลผลิตสูงสุด

ทั้งนี้ USDA รายงานว่าการตรวจสอบการส่งออกถั่วเหลืองสูงกว่าสัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังคงต่ำกว่าปีที่แล้ว สะท้อนถึงความต้องการที่ชะลอตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการครองตลาดส่งออกถั่วเหลือของบราซิล โดยจุดหมายปลายทางหลักในการส่งออกถั่วเหลืองคืออินโดนีเซียและญี่ปุ่น โดยไม่มีการส่งออกที่สำคัญไปยังจีน

จากรายงานของ USDA เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ได้สร้างแนวโน้มขาขึ้นสำหรับถั่วเหลือง เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกลดลง 4 ล้านเอเคอร์เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยการเปลี่ยนแปลงพื้นที่เพาะปลูกส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา โดยเกษตรกรได้หันไปปลูกข้าวโพดมากขึ้นแทนการปลูกถั่วเหลือง โดยเฉพาะในภาคใต้ของสหรัฐฯ

ด้วยเหตุนี้ จึงส่งผลให้ราคาถั่วเหลืองมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่มีการเผยแพร่ตัวเลขดังกล่าว เนื่องจากการคาดการณ์อุปสงค์ของตลาด โดยการลดลงของพื้นที่เพาะปลูกจาก USDA และสต็อกรายไตรมาสที่ต่ำกว่าที่คาดไว้ บ่งชี้ถึงดุลยภาพของอุปสงค์และอุปทานที่ตึงตัวมากขึ้น นอกจากนี้ ราคาถั่วเหลืองยังได้รับอิทธิพลจากสภาพอากาศที่อาจส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อแนวโน้มระยะยาวไปจนถึงเดือนสิงหาคม ส่งผลให้ราคาถั่วเหลืองเผชิญความเสี่ยงและความไม่แน่นอนมากขึ้นจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยซึ่งอาจนำไปสู่การลดลงของคุณภาพของพืชผลและผลผลิตที่คาดหวังที่อาจต่ำลง

อย่างไรก็ดี กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา (USDA) จะเผยแพร่ประมาณการผลผลิตครั้งต่อไปในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ พร้อมกับรายงานอุปสงค์และอุปทานที่ปรับปรุงใหม่สำหรับสหรัฐอเมริกาและตลาดโลก โดยคาดว่าประมาณการสต็อกคงเหลืองสำหรับผลผลิตชุดใหม่จะถูกปรับให้ต่ำลงตามข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับพื้นที่เพาะปลูก ในขณะที่กระทรวงการค้าของบราซิลรายงานว่าการส่งออกถั่วเหลืองในเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 38.9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งสูงถึงเกือบ 14 ล้านตัน

ทางด้านสหภาพยุโรป การนำเข้าถั่วเหลืองปี 2022/23 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน มีจำนวน 13.02 ล้านตัน ลดลง 10% เมื่อเทียบกับปี 2021/22 ซึ่งมีการนำเข้า 14.54 ล้านตัน โดยแม้ว่าปริมาณการนำเข้าจะลดลง แต่บราซิลก็ยังคงเป็นผู้ส่งออกถั่วเหลืองรายใหญ่ให้กับสหภาพยุโรป ในขณะที่สหรัฐอเมริกาได้ส่วนแบ่งทางการตลาดส่งออกไปยังสหภาพยุโรปในช่วงปี 2022/23 มากขึ้น

ด้วยเหตุนี้ การจัดอันดับคุณภาพถั่วเหลืองในสหรัฐอเมริกาที่ต่ำลงและพื้นที่เพาะปลูกที่ลดลง ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ในการเพิ่มศักยภาพในการเพาะปลูกให้ได้สูงสุด โดยการลดลงของพื้นที่เพาะปลูกและปริมาณสต็อกรายไตรมาสที่ลดลงของ USDA ได้ส่งผลต่อความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์และอุปทาน บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่หนุนราคาถั่วเหลือเพิ่มขึ้น ในขณะที่การนำเข้าถั่วเหลืองในสหภาพยุโรปที่ลดลง ประกอบกับการที่บราซิลยังคงครองตลาดในฐานะซัพพลายเออร์หลักอย่างต่อเนื่อง อาจสร้างแรงกดดันด้านราคาให้ลดลงได้เช่นกัน

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD US Soybeans Futures - Nov 23 (ZSX3)

แนวต้านสำคัญ : 1358.89, 1362.01, 1367.07

แนวรับสำคัญ : 1348.77, 1345.65, 1340.59                

ที่มา: Investing.com                                                            

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1338.77 - 1348.77 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1348.77 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1358.89 และ SL ที่ประมาณ 1333.00 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1358.89 - 1368.89 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1372.00 และ SL ที่ประมาณ 1343.00 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1358.89 - 1368.89 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1358.89 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1345.54 และ SL ที่ประมาณ 1373.00 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1338.77 - 1348.77 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1333.00 และ SL ที่ประมาณ 1363.00 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Jul 06, 2023 09:57AM GMT+7

Sources: Brownfield Ag News, Talk Business & Politics