หุ้นเอเชียร่วง จีนลดอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าที่คาด

หุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นหลังจากปิดตลาดเมื่อวันอังคาร จากกำไรในธุรกิจกลุ่มกระดาษและเยื่อกระดาษ อุปกรณ์การขนส่ง และประกันภัย ในขณะเดียวกัน หุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงในวันอังคาร หลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของจีนต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่นักลงทุนรอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ท่ามกลางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซา

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยระยะเวลาหนึ่งปีและห้าปี (LPR) ลดลง 10 จุด แม้ว่าตลาดส่วนใหญ่จะได้คาดการณ์ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ แต่ก็ต้องเผชิญกับความผิดหวังกับการลดอัตราดอกเบี้ยที่น้อยกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้หุ้นเอเชียปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ดัชนีหุ้น MSCI เอเชียแปซิฟิกร่วงลง 0.75%

อย่างไรก็ดี ภาคการผลิตที่หดตัวของจีนและตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาได้มีส่วนสร้างความท้าทายทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งการลดลงของตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาได้กระตุ้นให้ธนาคารประชาชนจีน (PBOC) ดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยเป็นหนึ่งในมาตรการของรัฐบาลจีนในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืด ปัญหาจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการว่างงานของเยาวชนที่สูง

นอกจากนี้ ธนาคารเพื่อการลงทุนรายใหญ่รวมถึง HSBC และ Goldman Sachs ได้ปรับการคาดการณ์การเติบโตของจีนโดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดย HSBC ได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของ GDP ลงเหลือ 5.3% ในปี 2023 ในขณะที่ Goldman Sachs ปรับลดการคาดการณ์ลงเหลือ 5.4% สำหรับปีนี้ และ 4.5% ในปี 2024 โดยการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นปัจจัยสำคัญในการปรับลดในครั้งนี้

ทั้งนี้ แม้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ PBOC จะคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้บ้าง แต่มาตรการอื่นๆเพิ่มเติมท่ามกลางความอ่อนแอทางเศรษฐกิจก็ยังคงขาดไม่ได้ เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนไม่เพียงถูกขัดขวางโดยกิจกรรมทางธุรกิจที่ซบเซาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแนวโน้มเงินฝืดที่เกิดจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่อ่อนแอ

ด้วยเหตุนี้ การลดลงของหุ้นเอเชียโดยรวมและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนจึงได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการซื้อขายในตลาดตราสารทุนในภูมิภาค แม้จะมีความหวังจากการฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่มีเริ่มมีเสถียรภาพ แต่ปริมาณการซื้อขายในตลาดช่วงครึ่งปีแรกได้แตะระดับต่ำสุดในรอบสี่ปี อีกทั้งยังมีรายงานว่าหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของญี่ปุ่นได้มีการหารือกับธนาคารในประเทศ เกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากจีนและสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ เพื่อให้มั่นใจว่าธนาคารต่างๆ พร้อมที่จะรับมือหากความตึงเครียดเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี นอกจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของจีนแล้ว ความเชื่อมั่นของตลาดคาดว่าจะได้รับอิทธิพลจากคำแถลงการณ์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เจอโรม เพาเวลล์ ซึ่งคาดว่าจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตและเศรษฐกิจโดยรวมเร็วๆนี้ โดยตลาดได้จับตาคำให้การของพาวเวลล์ต่อหน้าสภาคองเกรสในวันพุธนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯเพิ่งส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายที่หลากหลายและไม่แน่ชัดที่ผ่านมา

ทั้งนี้ จากปัจจัยหลายอย่างรวมกัน ซึ่งรวมถึงความท้าทายทางเศรษฐกิจของจีน ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ จึงได้บั่นทอนความเชื่อมั่นของตลาด และส่งผลต่อความน่าสนใจของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงในตลาดเอเชียช่วงนี้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)

แนวต้านสำคัญ : 33141.9, 33163.1, 33197.5

แนวรับสำคัญ : 33073.1, 33051.9, 33017.5         

5H Outlook

ที่มา: Investing.com

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 32993.1 - 33073.1 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 33073.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 33141.0 และ SL ที่ประมาณ 32968.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 33141.9 - 33221.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 33250.0 และ SL ที่ประมาณ 33043.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 33141.9 - 33221.9 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 33141.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 33047.5 และ SL ที่ประมาณ 33247.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 32993.1 - 33073.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 32957.5 และ SL ที่ประมาณ 33172.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Jun 21, 2023 08:31AM GMT+7

Sources: Investing 1, Investing 2