ข่าวราคาทองคำวันนี้ 14 ธันวาคม 2022

ราคาทองคำวานนี้ปิดทะยานขึ้น 29.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปปรับตัวขึ้น 7.1% ในเดือนพฤศจิกายน เมื่อเทียบรายปี “ต่ำกว่า” ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.3% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 6.0% ในเดือนพฤศจิกายน เมื่อเทียบรายปี “ต่ำกว่า” ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.1% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสะท้อนการ “ชะลอตัวของเงินเฟ้อ” และบ่งชี้ว่า การดำเนินการของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในการต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อเริ่มเห็นผลแล้ว และนั่นจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดชะลอความแข็งกร้าว (Less Aggressive) ในการคุมเข้มนโยบายการเงินปีหน้า เห็นได้จาก Fed Funds Futures ที่สะท้อนว่า อัตราดอกเบี้ยสูงสุด (Terminal Rate) ของเฟดจะแตะ 4.85% ในเดือนพฤษภาคม ปีหน้า ซึ่งลดลงจากระดับ 4.98-5.00% ในช่วงก่อนการเปิดเผยดัชนี CPI และการคาดการณ์นี้เอง กดดันดัชนีดอลลาร์ให้ร่วงลง 0.94%

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 3.5% จนเป็นปัจจัยหนุนทองให้ทะยานขึ้นทดสอบระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน ที่ 1,824.37 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่มขึ้น +2.32 ตัน สำหรับวันนี้จับตาผลการประชุมเฟดในเวลาตี 2 ของคืนวันนี้ คาดเฟด “ขึ้น” ดอกเบี้ย 50 bps และแนะนำรอดูมุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงาน Economic Projections ซึ่งเป็นการคาดการณ์ GDP, อัตราการว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ รวมไปถึงติดตามความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในอนาคต ผ่านรายงาน Dot Plot ซึ่งจะเป็นคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของเจ้าหน้าที่เฟด และติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟดในเวลา ตี 2 ครึ่งว่าจะส่งสัญญาณในเชิง Hawkish มากกว่า หรือน้อยกว่าคาด

ในทางกลับกัน ทองคำยังคงได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (13 ธันวาคม) ขานรับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรม ดาวโจนส์ปิดที่ 34,108.64 จุด เพิ่มขึ้น 103.60 จุด หรือ +0.30%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,019.65 จุด เพิ่มขึ้น 29.09 จุด หรือ +0.73% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,256.81 จุด เพิ่มขึ้น 113.08 จุด หรือ +1.01%

การวิเคราะห์แนวโน้มทองคำ

หากราคาทองคำยังไม่สามารถยืนเหนือโซน 1,824 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับสูงสุดของวานนี้) ซึ่งเป็นกรอบด้านบนของทิศทาง Sideway UP ส่งผลให้อาจมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นสลับออกมา สำหรับวันนี้ประเมินแนวรับระยะสั้นในโซน 1,797-1,783 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับแนวรับสำคัญ หรือกรอบด้านล่างจะอยู่ในโซน 1,765 ดอลลาร์ต่อออนซ์