เศรษฐกิจออสเตรเลียแสดงให้เห็นสัญญาณการเติบโตที่ดีขึ้น

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ซึ่งเกิดจากนโยบายภาษีศุลกากรที่เข้มงวดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ในขณะเดียวกัน ออสเตรเลียกำลังเผชิญกับการเก็บภาษีขั้นต่ำ 10% ในขณะที่ ทรัมป์ยืนยันว่าเขาจะจัดเก็บภาษีนำเข้าจากจีน 104% เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกทวีความรุนแรงขึ้น ตลาดยังคงมีความหวังว่าทรัมป์จะเปิดใจต่อการเจรจาเพื่อลดความตึงเครียดด้านการค้าโลก

ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.1% ในการประชุมเดือนเมษายน นับว่าเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 bps ในการประชุมเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด โดยคณะกรรมการระบุว่านโยบายการเงินอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อของออสเตรเลีย ในขณะที่ธนาคารกลางแสดงความเชื่อมั่นว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับไปส่งเป้าหมายที่ 2-3% อย่างยั่งยืน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงช่วยทำให้อุปสงค์และอุปทานมัความสมดุลมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางยังเน้นย้ำถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนสำหรับทั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศและอัตราเงินเฟ้อในระดับโลก โดยได้รับแรงผลักดันจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายด้านภาษีองสหรัฐฯ

PMI ภาคการผลิตของออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับ 52.1 ในเดือนมีนาคม จากระดับ 50.4 ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดของการผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบกว่า 2 ปี ซึ่งขับเคลื่อนโดยภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น ความพยายามทางการตลาด และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม คำสั่งซื้อส่งออกลดลงท่ามกลางอุปสงค์ภายนอกที่อ่อนแอ กิจกรรมทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น โดยการสร้างตำแหน่งงานแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ผลิตเกี่ยวกับยอดขายในอนาคต แม้จะมีข้อกังวลเกี่ยวกับภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ

ด้าน PMI ภาคการบริการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 51.6 ในเดือนมีนาคม 2025 จาก 50.8 ในเดือนกุมภาพันธ์ ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน โดยการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนี้ได้รับแรงหนุนมาจากธุรกิจการใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีการขยายตัวเร็วที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี ซึ่งได้รับแรงหนุนจากปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและความสนใจของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ธุรกิจส่งออกพบว่ามีการส่งออกลดลงเล็กน้อย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการหยุดชะงักจากพายุไซโคลนอัลเฟรด รวมถึงผลกระทบจากการท่องเที่ยว ด้านการจ้างงานพบว่ายังคงมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น จากความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ทำให้ความเชื่อมั่นโดยรวมลดลง

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.35% ตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่เพิ่มขึ้น แม้จะมีข้อกังวลเพิ่มมากขึ้นว่าภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาจผลักดันให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยและบีบให้ธนาคารกลางสหรัฐต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป แม้ว่าสหรัฐจะส่งสัญญาณต่อการเจรจากับพันธมิตรทางการค้า แต่ทรัมป์ก็เน้นย้ำว่าจะไม่มีการหยุดขึ้นภาษีครั้งใหญ่ที่มีผลบังคับใช้อยู่ในขณะนี้อย่างแน่นอน ในขณะเดียวกัน ข้อมูลล่าสุดในประเทศเผยให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคยังคงซบเซา ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับความอ่อนแอทางเศรษฐกิจและความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากได้รับผลกระทบของภาษีศุลกากรจากสหรัฐ

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)

แนวต้านสำคัญ: 1.657, 1.662, 1.6646

แนวรับสำคัญ: 1.6495, 1.647, 1.6419

ที่มา: Investing.com

Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.647 - 1.6495 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.6495 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.662 และ SL ที่ประมาณ 1.6419 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

จุดกลับตัว 9 เมษายน 2568 21:10 น. GMT+7