ตลาดเผชิญความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นท่ามกลางการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากเฟด

นักลงทุนซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ล่าสุดด้วยความระมัดระวังในวันจันทร์ ท่ามกลางสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยการประชุมจากธนาคารกลางหลายแห่งและข้อมูลเงินเฟ้อที่สำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นตัวกำหนดทิศทางของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ถูกคาดการณ์ไว้ในช่วงต้นปีหน้า แม้ตลาดหุ้นจะปิดตัวเป็นบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ขณะที่มุมมองเชิงบวกของตลาดลดลง เนื่องจากความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคมผ่อนคลายลง ท่ามกลางความเป็นไปได้ในการปรับลดดอกเบี้ยที่ 76% ในเดือนพฤษภาคม

ในขณะที่การประชุมครั้งสุดท้ายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ประจำปี 2023 ใกล้เข้ามา พร้อมด้วยรายงานอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นถูกจับตามองเป็นพิเศษ โดยความเป็นไปได้ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้กระตุ้นตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ S&P 500 เพิ่มขึ้นเกือบ 20% ในปี 2023 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางรายยังคงแสดงความกังวลเกี่ยวกับความอ่อนแอของตลาดที่อาจกลับตัว หากราคาผู้บริโภคไม่เย็นตัวลง หรือหาก Fed ไม่ผ่อนคลายนโยบายอย่างที่คาดไว้

ในขณะเดียวกัน สถาบันการลงทุน Wells Fargo ตั้งเป้าหมายราคาในปี 2024 สำหรับ S&P 500 ไว้ที่ประมาณ 4,700 ซึ่งบ่งชี้ถึงความเสี่ยงด้านลบที่อาจเกิดขึ้น

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งถูกคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.50% ได้เบนความสนใจไปที่การแถลงข่าวของประธานเจอโรม พาวเวลล์ ขณะที่รายงานราคาผู้บริโภคเดือนพฤศจิกายนที่กำลังจะมีขึ้น คาดว่าจะมีอิทธิพลต่อแนวโน้มของตลาด โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะไม่เปลี่ยนแปลงและในอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะเพิ่มขึ้น 0.3%

ในขณะเดียวกัน ตลาดพันธบัตรพบปริมาณอุปทานใหม่ 108 พันล้านดอลลาร์ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีทรงตัวที่ 4.25% ขณะที่ตลาดฟิวเจอร์สกองทุนเฟดสะท้อนถึงโอกาส 46% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม และเกือบ 80% ในเดือนพฤษภาคม

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจที่ซับซ้อน การคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐนั้นแตกต่างกันไปในกลุ่มธนาคารเพื่อการลงทุนชั้นนำ โดย Goldman Sachs คาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงโดยไม่มีการหดตัว ในขณะที่ Deutsche Bank คาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะถดถอยเล็กน้อยตามมาด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งการใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายของนักลงทุนปรากฏให้เห็นได้ชัดจากปริมาณเงินทุนที่ไหลออกจากกองทุนตราสารทุนและพันธบัตร ซึ่งบ่งชี้ถึงการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของนักลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าตลาดหุ้นและพันธบัตรจะปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาก็ตาม

ทั้งนี้ Goldman Sachs ได้ปรับประมาณการ โดยคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปี 2024 โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในไตรมาสที่สามเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่เย็นลง เปลี่ยนแปลงจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเริ่มในเดือนธันวาคม ขณะที่แม้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ จะยังคงแข็งแกร่ง ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมท่ามกลางดัชนีราคาที่ลดลง

อย่างไรก็ตาม การประชุมธนาคารกลางครั้งสุดท้ายของปี รวมถึงการประชุมของ Fed ECB และ Bank of England ได้สร้างความไม่แน่นอนในตลาด ขณะที่การปรับตัวขึ้นของ Bitcoin สวนทางกับทิศทางนโยบายของ Fed ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางคำแถลงนโยบายของเฟดและความคิดเห็นของประธานพาวเวลล์ที่ถูกจับตาอย่างใจจดใจจ่อถึงจังหวะและเวลาที่จะเริ่มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD US30 DJIA

แนวต้านสำคัญ : 36257.3, 36264.8, 36276.8

แนวรับสำคัญ : 36233.3, 36225.8, 36213.8

5H Outlook

ที่มา: Investing.com

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 36208.3 - 36233.3 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 36233.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 36257.3 และ SL ที่ประมาณ 36195.8 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 36232.3 - 36257.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 36280.0 และ SL ที่ประมาณ 36220.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 36232.3 - 36257.3 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 36257.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 36224.6 และ SL ที่ประมาณ 36269.8 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 36208.3 - 36233.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 36190.0 และ SL ที่ประมาณ 36269.8 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Dec 11, 2023 06:30PM GMT+7