บทวิเคราะห์ USD/INR 13 พฤศจิกายน 2566

Create at 5 months ago (Nov 13, 2023 20:53)

การผลิตในอินเดียเริ่มมีการเติบโตที่ชะลอตัวลง

เงินรูปีของอินเดียยังคงอยู่ในระดับ 83-83.4 รูปีต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยแนวโน้มของรูปียังสามารถอ่อนค่าลงได้อีก เนื่องจากเงินทุนต่างประเทศมีการไหลออกอย่างต่อเนื่องซึ่งเกิดจากการที่นักลงทุนมีความกังวลด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ พบว่าธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ได้ขายทุนสำรองเงินตราต่างประเทศออกไปหลายครั้งเพื่อพยุงค่าเงินรูปีไม่ให้ตกลงไปต่ำกว่าระดับ 83.3 รูปีต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยขายไปมากกว่า 23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมา

 

อัตราเงินเฟ้อในอินเดียลดลงเหลือ 4.87% ในเดือนตุลาคม ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 4.8% เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลง 0.39% ซึ่งเกิดจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง ในขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อในอาหารมีการเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะราคาเครื่องเทศที่เพิ่มขึ้นถึง 22.76% เมล็ดพันธ์พืช 18.79% ธัญพืช 10.65% ไข่ 9.3% และน้ำตาล 5.5%

 

การผลิตภาคอุตสาหกรรมในอินเดียเพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี (YoY) ในเดือนกันยายน แม้ว่าการภาคผลิตจะยังคงเติบโตแต่ก็แสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวที่เกิดขึ้น โดยที่การผลิตในโรงงานเพิ่มขึ้น 4.5% เทียบกับ 9.3% การขุดเหมืองเพิ่มขึ้น 11.5% เทียบกับ 12.3% และการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 9.9% เทียบกับ 15.3% โดยตัวเปรียบเทียบทั้งหมดเป็นการเทียบกับเดือนสิงหาคม

 

PMI ภาคการบริการของอินเดียลดลงเหลือ 58.4 ในเดือนตุลาคม จาก 61.0 ในเดือนกันยายน แม้ว่าเศรษฐกิจในอินเดียจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่แรงกดดันด้านอุปสงค์และราคาสินค้าและบริการที่ลดลง ทำให้แนวโน้มการขยายตัวในภาคการบริการเริ่มกลับมาอ่อนตัวลงเล็กน้อย ด้านการจ้างงานและราคาวัตถุดิบยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราเงินเฟ้อต้นทุนผลผลิตมีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ความเชื่อมั่นทางธุรกิจมีการลดลง

 

PMI ภาคการผลิตลดลงเหลือ 55.5 ในเดือนตุลาคม เนื่องจากกิจกรรมโรงงานที่เพิ่มขึ้นแต่เป็นอัตราการเติบโตที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 8 เดือน อีกทั้งปัญญาหาด้านต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนผลผลิตยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลด้านอุปสงค์ที่เริ่มลดลง

 

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลงอย่างรวดเร็วก่อนจะดีดตัวเข้าใกล้ 7.3% ในวันที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลด้านอัตราเงินเฟ้อเริ่มลดลงในอินเดีย อีกทั้งได้รับผลกระทบมาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ลดลงเช่นเดียวกันแม้ว่าจะมีความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อว่าอาจลดลงยากกว่าที่คิด ทำให้มีการคาดการณ์จากนักลงทุนว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงนี้จะยืดเยื้อต่อไป

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)

แนวต้านสำคัญ: 83.331, 83.358, 83.385

แนวรับสำคัญ: 83.277, 83.250, 83.224

บทวิเคราะห์ USD/INR วันนี้ที่มา: Investing.com

จุดกลับตัว 13 พฤศจิกายน 2566 20:48 น. GMT+7

ชื่อ S3 S2 S1 จุดกลับตัว R1 R2 R3
Classic 83.224 83.250 83.277 83.304 83.331 83.358 83.385
Fibonacci 83.250 83.271 83.283 83.304 83.325 83.337 83.358
Camarilla 83.291 83.296 83.301 83.304 83.311 83.316 83.321
Woodie's 83.226 83.251 83.279 83.305 83.333 83.359 83.387
DeMark's - - 83.291 83.311 83.345 - -
Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 83.250 - 83.277 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 83.277 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.358 และ SL ที่ประมาณ 83.224 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 83.331 - 83.358 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.385 และ SL ที่ประมาณ 83.250 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 83.331 - 83.358 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 83.331 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.250 และ SL ที่ประมาณ 83.385 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 83.250 - 83.277 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.224 และ SL ที่ประมาณ 83.358 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

ตัวชี้วัดทางเทคนิค 13 พฤศจิกายน 2566 20:48 น. GMT+7

ชื่อ มูลค่า Action
RSI(14) 48.658 ถือหุ้นไว้
STOCH(9,6) 26.188 ขาย
STOCHRSI(14) 0.000 ขายมากเกินไป
MACD(12,26) 0.012 ซื้อ
ADX(14) 32.095 ซื้อ
Williams %R -82.698 ขายมากเกินไป
CCI(14) -29.2313 ถือหุ้นไว้
ATR(14) 0.0885 ผันผวนสูง
Highs/Lows(14) 0.0000 ถือหุ้นไว้
Ultimate Oscillator 40.183 ขาย
ROC 0.059 ซื้อ
Bull/Bear Power(13) 0.0155 ซื้อ

ซื้อ:4

ขาย:2

ถือหุ้นไว้:3

สรุป:ซื้อ

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: Blog
รู้เท่าทันข่าว&สถานการณ์โลก: News
บทวิเคราะห์เชิงเทคนิคขั้นสูง: Analysis
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES