ออสเตรเลียเจอกับอุปสงค์ที่ลดลงทั้งภาคการผลิตและภาคการบริการ

ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นจนแตะระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของออสเตรเลียมีการปรับตัวลดลงตอเนื่อง อีกทั้ง ในรายงานการประชุมครั้งล่าสุดของ RBA แสดงให้เห็นว่ามีการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนตุลาคม ก่อนที่จะตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.1% ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า RBA สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีกโดยเป้าหมายเงินเฟ้อยังอยู่ที่ 2% ซึ่งเงินเฟ้อในปัจจุบันยังถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับเป้าหมายแม้ว่าจะมีแนวโน้มลดลงมาบ้างก็ตาม 

ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ไม่เปลี่ยนแปลงที่ 4.1% ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ผู้กำหนดนโยบายได้ให้ความเห็นว่าเงิเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วแต่อาจจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดอีกครั้งเพื่อนำอัตราเงินเฟ้อกลับมาสู่เป้าหมายที่ 2-3% ในปลายปี 2568 แต่ก็ขึ้นอยู่กับการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต

แม้ว่า ออสเตรเลียจะมีการเติบโตของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินกว่าที่คาดในช่วงครึ่งแรกของปี แต่ก็ถือว่าเติบโตที่ต่ำกว่าแนวโน้มเมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งการคาดการณ์ทั้งการนำเข้าและการส่งออกจะลดลงโดยเฉพาะจากจีนที่การเติบโตยยังไม่มั่นคงมากนัก ขณะเดียวกัน คาดการณ์ว่าอัตราการว่างงานจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 4.5% ในปลายปี 2567 แต่อัตราดอกเบี้ยจะมีการปรับลดลงเหลือ 4% ด้วยเช่นกัน

PMI ภาคการผลิตของออสเตรเลียลดลงเหลือ 48 ในเดือนตุลาคม นับว่าเป็นการถดถอยติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 และเป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากผลผลิตที่ทำได้และคำสั่งซื้อใหม่หดตัวลงเนื่องจากอุปสงค์ทั้งในประเทศและต่างประเทศลดลง อีกทั้งต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การจ้างงานกลับมีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอทำให้ความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลงอย่างมาก

PMI ภาคการบริการของออสเตรเลียลดลงเหลือ 47.6 ในเดือนตุลาคม เนื่องจากจำนวนกิจกรรมลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งได้รับผลกระทบมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงและค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นทำให้มีแรงกดดันด้านต้นทุนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทต่างๆ ขึ้นราคาสินค้าและบริการของตนเองด้วยเช่นเดียวกัน

อัตราการว่างงานในออสเตรเลียลดต่ำลงมาอยู่ที่ 3.6% โดยจำนวนผู้ว่างงานลดลงเหลือ 520.5 พันคน โดยที่การจ้างงานมีการเพิ่มขึ้นทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ ซึ่งการจ้างงานเพิ่มขึ้น 6.7 พันคนเป็น 14.11 ล้านคน แต่ก็ยังคงน้อยกว่าที่คาดการณ์ที่ 20 พันคน โดยการจ้างงานส่วนใหญ่เป็นการจ้างงานเต็มเวลาที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)

แนวต้านสำคัญ: 1.5741, 1.5777, 1.5808

แนวรับสำคัญ: 1.5674, 1.5643, 1.5608

ที่มา: Investing.com

จุดกลับตัว 24 ตุลาคม 2566 21:03 น. GMT+7