เศรษฐกิจแคนาดาฟื้นตัว เพิ่มความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเดือนนี้

เศรษฐกิจของแคนาดาดีดตัวขึ้นในเดือนพฤษภาคมหลังจากหยุดชะงักในเดือนเมษายน เพิ่มความเป็นไปได้ที่ธนาคารแห่งประเทศแคนาดา (BOC) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม โดยภาพรวมเศรษฐกิจแคนาดายังคงไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนเมษายน อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริง (Real GDP) จะเติบโต 0.4% ในเดือนพฤษภาคม

แม้ที่ผ่านมา BOC จะใช้วงจรนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นประวัติการณ์ แต่เศรษฐกิจแคนาดาก็ยังคงแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศแคนาดาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 4.75% ในเดือนมิถุนายนเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่เหนือเป้าหมายที่ 2%

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเหมืองแร่และหิน การสกัดน้ำมันและก๊าซ ตลอดจนภาคสาธารณูปโภค คาดว่าจะปรับตัวลดลงในเดือนพฤษภาคม หลังจากที่เดือนเมษายนพบการเติบโตของภาคธุรกิจเหมืองแร่ ชดเชยการลดลงของภาคส่วนย่อยในสินค้าอื่นๆ ในขณะที่หน่วยงานราชการ การค้าส่ง ภาคธุรกิจการเงิน และการประกันภัยมีส่วนทำให้ความร้อนแรงในภาคบริการผ่อนคลายลง

ในขณะเดียวกัน แรงงานต่างชาติยังคงสนับสนุนเศรษฐกิจแคนาดาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ปัจจัยอื่นๆ เช่น การออม การใช้จ่ายของรัฐบาล และการกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัยคาดว่าจะผ่อนคลายลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งนำไปสู่อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในระยะนี้ โดยธนาคารแห่งประเทศแคนาดาประเมินว่า อาจต้องใช้เวลาระหว่าง 6 ถึง 8 ไตรมาสก่อนที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเห็นผล

จากข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อของแคนาดาลดลง ในขณะที่แรงกดดันด้านราคายังคงแข็งแกร่ง ซึ่งอาจสูงกว่าการคาดการณ์การเติบโตของ BOC ในไตรมาสที่สอง โดยอัตราเงินเฟ้อประจำปีในแคนาดาชะลอตัวลงเหลือ 3.4% ในเดือนพฤษภาคม

ทางด้านภาคธุรกิจในแคนาดายังคงคาดการณ์ถึงอัตราเงินเฟ้อที่จะยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% จนถึงปี 2568 เป็นอย่างน้อย แม้ว่าแรงกดดันจากตลาดแรงงานและค่าจ้างจะคลี่คลายลง โดยความคาดหวังในการจ้างงานลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และภาคธุรกิจคาดการณ์ว่าปัญหาการขาดแคลนแรงงานจะรุนแรงน้อยลง ในขณะที่ต้นทุนการผลิตและราคาขายคาดว่าจะลดลง

ทั้งนี้ การสำรวจในภาคธุรกิจยังบ่งชี้ถึงความคาดหวังที่ลดลงของภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้าเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่ความคาดหวังในการเติบโตของค่าจ้างพบการปรับลดลง โดยปัจจุบัน บริษัทจำนวนมากขึ้นคาดว่าอาจใช้เวลาห้าปีหรือมากกว่านั้นเพื่อให้อัตราเงินเฟ้อบรรลุเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศแคนาดาได้ ส่งผลให้นักวิเคราะห์ปรับการคาดการณ์ว่าจะมีการชะลอตัวของเศรษฐกิจในปี 2566 หรือ 2567 และอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

ทางด้านสหรัฐอเมริกา ข้อมูลเศรษฐกิจที่แสดงให้เห็นถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง ได้สร้างความหวังถึงแนวทางนโยบายการเงินในอนาคตของธนาคารกลางสหรัฐในการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลงหลังจากเพิ่มขึ้นสองวันติดต่อกัน

ในขณะเดียวกัน รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร และรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ประจำเดือนมิถุนายนคาดว่าจะเป็นเหตุการณ์สำคัญในช่วงสัปดาห์นี้ แม้ว่าอัตราการว่างงานจะพุ่งสูงขึ้น แต่สัญญาณของความแข็งแกร่งในตลาดแรงงานได้หนุนความเชื่อที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยที่รุนแรงได้ ท่ามกลางนโยบายที่เข้มงวดจากเฟด โดยตลาดแรงงานคาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในตลาดและทิศทางของนโยบายการเงินต่อไป

ทั้งนี้ เฟดจะเผยแพร่รายงานการประชุมประจำเดือนมิถุนายน โดยคาดว่าจะให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอภิปรายด้านนโยบาย ในขณะที่มาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดติดตามอย่างใกล้ชิด บ่งชี้ว่าแรงกดดันด้านราคาเริ่มเย็นลง เพิ่มความหวังว่าวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจสิ้นสุดเร็วๆนี้ ในขณะที่ประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ คาดว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 2 ครั้งในปีนี้

โดยรวมแล้ว CAD คาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นลงในกรอบ โดยคาดว่าจะเผชิญกับแรงหนุนที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากความเป็นไปได้ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าที่คาดไว้ ควบคู่ไปกับแรงกดดันจากการลดลงของภาคส่วนธุรกิจและส่วนต่างของผลตอบแทนระหว่างคู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD USD/CAD

แนวต้านสำคัญ : 1.3258, 1.3263, 1.3269

แนวรับสำคัญ : 1.3246, 1.3241, 1.3235                            

5H Outlook

ที่มา: Investing.com

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.3241 - 1.3246 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.3246 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3263 และ SL ที่ประมาณ 1.3236 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3258 - 1.3263 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3270 และ SL ที่ประมาณ 1.3241 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3258 - 1.3263 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.3258 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3246 และ SL ที่ประมาณ 1.3268 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.3241 - 1.3246 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3235 และ SL ที่ประมาณ 1.3263 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Jul 03, 2023 09:35AM GMT+7

Sources: Investing 1, Investing 2