ECB อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 25 จุด

จากการสำรวจของรอยเตอร์ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานอีก 25 จุดในวันที่ 15 มิถุนายนและอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม จากนั้นอาจพักนโยบายแบบเข้มงวดชั่วคราวในช่วงที่เหลือของปี

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ECB มีการชะลอตัวลง ซึ่งการปรับขึ้นครั้งล่าสุดอยู่ที่ 25 จุดในเดือนพฤษภาคม โดย Christine Lagarde ประธาน ECB กล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์จุดสูงสุดของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน และย้ำถึงความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป

หลังจากสามารถหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีที่แล้วมาได้ เศรษฐกิจยูโรโซนก็ได้ประสบกับภาวะถดถอยในไตรมาสแรกของปี 2566 โดยพบการหดตัว 0.1% เนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น ราคาพลังงานและอาหารที่สูงขึ้น และการใช้จ่ายที่ลดลงหลังการระบาดของโควิด อย่างไรก็ดี แม้ท่ามกลางเศรษฐกิจที่หดตัว แต่เศรษฐกิจยูโรโซนก็พบการเติบโตของการจ้างงานรายไตรมาสที่เพิ่มขึ้นทุกประเทศ ยกเว้นกรีซ ลิทัวเนีย และสโลวาเกีย

ทางด้านยอดค้าปลีกในยูโรโซนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนเมษายน โดยผู้บริโภคใช้จ่ายน้อยลงสำหรับค่าอาหารและเชื้อเพลิงรถยนต์ แต่มีการจับจ่ายใช้สอยในผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยเฉพาะสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ การบริโภคที่อ่อนแอมีสาเหตุมาจากรายได้ที่แท้จริงลดลง และการใช้จ่ายด้านพลังงานรวมถึงการชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งภาคครัวเรือนยังออมเงินมากขึ้นเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ จากผลการสำรวจโดยธนาคารกลางยุโรปเปิดเผยว่า ผู้บริโภคในยูโรโซนได้ปรับลดการคาดการณ์เงินเฟ้อลง แม้การเติบโตของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะยังคงหนืด และคาดว่าจะชะลอตัวกลับสู่กรอบเป้าหมายที่ 2% ได้ในปี 2568

อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนในปัจจุบันอยู่ที่ 6.1% ลดลงจากระดับสูงสุดที่ 10.6% ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยเศรษฐกิจยูโรโซนคาดว่าจะฟื้นตัวในไตรมาสปัจจุบัน ซึ่งจากการสำรวจระบุว่าการเติบโตของยูโรโซนคาดว่าจะอยู่ที่ 0.2% ต่อไตรมาสในช่วงที่เหลือของปี

ในทางกลับกัน ธนาคารกลางสหรัฐฯคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายนและตลอดทั้งปีนี้ โดยจะยังคงเฝ้าระวังและติดตามการอ่านค่าเงินเฟ้อของสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด

โดยจากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดในสหรัฐฯ พบข้อมูลที่หลากหลาย ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อขยายตัวในระดับปานกลาง แต่ยังคงอยู่เหนือกรอบเป้าหมายของธนาคารกลาง นอกจากนี้ เฟดได้เฝ้าสังเกตผลกระทบของความวุ่นวายในภาคธนาคารต่อเศรษฐกิจ และได้ชี้แจงว่ามาตรฐานการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น สามารถช่วยควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้โดยไม่ต้องใช้นโยบายเข้มงวดมากเกินไป

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนคาดการณ์ว่าอาจมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อยหนึ่งครั้ง โดยอาจเป็นเดือนกรกฎาคม ซึ่งอาจส่งผลให้ ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรักษาความแข็งแกร่งของเงินยูโร

ทั้งนี้ เฟดจะรายงานอัตราเงินเฟ้อล่าสุดของสหรัฐฯ ก่อนเริ่มการประชุม โดยคาดการณ์ว่าราคาผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อของราคาผู้ผลิต ตัวเลขยอดค้าปลีก และรายงานรายสัปดาห์ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์นี้ จึงอาจส่งผลให้เงินยูโรปรับตัวแข็งค่ากว่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯได้อยู่บ้างในช่วงนี้ ในขณะที่ขาขึ้นโดยรวมอาจคงถูกจำกัด เนื่องจากผลตอบแทนที่ยังคงต่ำกว่า

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD EUR/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.0754, 1.0757, 1.0761

แนวรับสำคัญ : 1.0746, 1.0743 , 1.0739                         

5H Outlook

ที่มา: Investing.com    

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.0741 - 1.0746 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.0746 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0757 และ SL ที่ประมาณ 1.0737 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0754 - 1.0759 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0768 และ SL ที่ประมาณ 1.0742 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0754 - 1.0759 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.0754 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0746 และ SL ที่ประมาณ 1.0763 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.0741 - 1.0746 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0737 และ SL ที่ประมาณ 1.0750 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Jun 12, 2023 09:41AM GMT+7

Sources: Investing 1, Investing 2