เศรษฐกิจจีนยังชะลอตัว

เงินหยวนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการอ่อนค่าของเงินหยวนเมื่อเร็วๆ นี้เกิดขึ้นหลังจากการอ่านค่าทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากจีน เช่นการผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีก แสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศกำลังชะลอตัวหลังจากการฟื้นตัวครั้งแรกในไตรมาสแรก

สัญญาณบ่งชี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในเดือนเม.ย.ออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งเพิ่มแรงกดดันให้ผู้กำหนดนโยบายต้องพยุงการฟื้นตัวหลังโควิด ขณะที่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในประเทศอื่นๆ

นักลงทุนต่างประเทศลดสัดส่วนการถือครองพันธบัตรสกุลหยวนของจีนอีกครั้งในเดือนเม.ย. หลังจากที่เพิ่มการถือครองขึ้นเล็กน้อยในเดือนมี.ค. ขณะที่ส่วนต่างผลตอบแทนที่กว้างขึ้นระหว่างสหรัฐและจีนได้สกัดกั้นแรงซื้อ

สัดส่วนการถือครองพันธบัตรสกุลเงินหยวนที่ซื้อขายในตลาดอินเตอร์แบงก์ของจีนของนักลงทุนต่างประเทศอยู่ที่ 3.17 ล้านล้านหยวน (4.5862 แสนล้านดอลลาร์) ณ สิ้นเดือนเม.ย. ลดลงจาก 3.21 ล้านล้านหยวน ณ สิ้นเดือนมี.ค. ขณะที่ในเดือนมี.ค. นักลงทุนสถาบันต่างประเทศซื้อสุทธิพันธบัตรสกุลหยวนคิดเป็นมูลค่าสุทธิ 1.0 หมื่นล้านหยวน

นายถิง ลู่ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนจากโนมูระกล่าวว่า "เนื่องจากเฟดแทบไม่ได้แสดงความต้องการที่จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ การลดดอกเบี้ยนโยบายในจีนอาจทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยกับสหรัฐกว้างขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นให้หยวนอ่อนค่า และทำให้เงินทุนไหลออก"

ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐสูงกว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของจีนอยู่ 0.67% ณ สิ้นเดือนเม.ย. และนักกลยุทธ์จากดีบีเอสกล่าวว่า "คาดว่าจะยังคงมีแรงขายพันธบัตรรัฐบาลจีนต่อไป เนื่องจากส่วนต่างผลตอบแทนยังคงอยู่ในแดนลบ และสถานการณ์ตึงเครียดสหรัฐ-จีน อาจจะกระทบความสนใจของต่างชาติ"

นายเจมี แมคกีเวอร์ ผู้เขียนคอลัมน์ของรอยเตอร์ระบุว่า สกุลเงินหยวนของจีนเผชิญกับอุปสรรคสำคัญในระยะยาวในการที่จะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในสกุลเงินสำรองทั่วโลก และหยวนก็เผชิญกับอุปสรรคสำคัญในระยะใกล้ด้วย ซึ่งได้แก่การที่ต่างชาติไม่ต้องการซื้อตราสารหนี้จีนในปัจจุบัน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติได้เทขายตราสารหนี้จีนอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดสงครามยูเครนในเดือนก.พ. 2023 เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติกังวลว่า ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลจีนกับรัฐบาลรัสเซียอาจจะส่งผลให้ผู้ถือครองสินทรัพย์จีนในต่างประเทศเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรจากนานาประเทศ

โดยทุนสำรองทั่วโลกที่อยู่ในรูปหยวนอยู่ที่ 2.98 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นปีที่แล้ว โดยดิ่งลงจาก 3.37 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นปี 2021 และถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับปริมาณทุนสำรองทั่วโลกที่ 12 ล้านล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ดอลลาร์สหรัฐกับยูโรครองสัดส่วนรวมกันเกือบ 80% ของทุนสำรองทั่วโลกในปัจจุบัน

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)

แนวต้านสำคัญ: 6.9975, 7.0036, 7.0137

แนวรับสำคัญ: 6.9813, 6.9712, 6.9651

ที่มา: Investing.com