ข่าวราคาทองคำวันนี้ 25 มกราคม 2023

วันอังคาร (24 มกราคม) ที่ผ่านมา ราคาทองคำปิดบวก $7.70 เตรียมเทส High $1,942.40 หลังได้รับแรงหนุนจากการแข็งค่าของยูโร ขานรับตัวเลขดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการขั้นต้นยูโรโซนพลิกสู่การขยายตัว โดยดัชนีภาคการผลิตปรับตัวลงสู่ระดับ -11 ในเดือนมกราคม สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่า จะลดลงสู่ระดับ -5 จากระดับ 1 ในเดือนธันวาคม ก่อนราคาทองคำจะร่วงแรงจากการรายงาน PMI สหรัฐฯ ที่ออกมา “สูงกว่าคาด" แต่คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่ม +0.29 ตันสู่ระดับ 917.34 ตัน ทำให้ปี 2023 กองทุน SPDR ถือครองทองลดลง -0.30 ตัน 

นอกจากนี้ ทองคำยังได้รับแรงหนุนจากปัจจัยอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ดัชนีดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง 0.19% หลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 3.513% สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ทะลุระดับ 82 ดอลลาร์ ขานรับคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศจีน หลังประกาศเปิดประเทศ รวมไปถึงผลสำรวจขั้นต้นจาก S&P Global เปิดเผยในวันนี้ (24 มกราคม) ว่า กิจกรรมธุรกิจของยูโรโซนพลิกสู่การขยายตัวเล็กน้อยแบบไม่คาดหมายในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจขาลงของยูโรโซนอาจไม่รุนแรงอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ และยูโรโซนอาจหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้

ในทางกลับกัน ปัจจัยที่กดดันราคาทองคำก็ยังคงมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร (24 มกราคม) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย รวมทั้งรายงานที่บ่งชี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนทางด้าน S&P Global มีการเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของสหราชอาณาจักร ปรับตัวลงสู่ระดับ 47.8 ในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี จากระดับ 49.0 ในเดือนธันวาคม รวมไปถึงเงินปอนด์มีการร่วงลง 0.38% สู่ระดับ 1.233 ดอลลาร์ และอ่อนค่า 0.43% สู่ระดับ 0.882 เทียบยูโร หลังการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจอังกฤษที่อ่อนแอ และอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ 

การวิเคราะห์แนวโน้มทองคำ

หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,942-1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และไม่สามารถผ่านได้ นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร แนะนำรอเปิดสถานะซื้อทำกำไรระยะสั้น หากราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,920-1,911 ดอลลาร์ต่อออนซ์ รอปิดสถานะซื้อทำกำไร หากการดีดตัวขึ้นไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวต้าน 1,942-1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ให้ตัดขาดทุนหากราคาหลุด 1,894 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรอจังหวะเข้าใหม่อีกครั้ง