ดัชนีดาวโจนส์ปิดเหนือ 35,000 เป็นครั้งแรกในวันศุกร์ ตามข้อมูลการจ้างงานที่เป็นบวกโดยดาวโจนส์ได้วิ่งบวก 163 จุด (0.47%) ในวันศุกร์ และปิดที่ระดับ 35,210 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดแรกของเดือนสิงหาคม

เหตุผลหลักที่ตลาดหุ้นปีนขึ้นยังจุดสูงสุดได้คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้อัตราการว่างงานลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสัญญานดีต่อค่าเงินดอลลาร์ไปจนถึงเป็นสัญญานที่ยืนยันการฟื้นตัวของสหรัฐดอลลาร์ได้เป็นอย่างดี

.

การจ้างงานของสหรัฐออกมาดีกว่าในเดือนกรกฎาคมอย่างมาก ตัวเลขการจ้างงานอยู่ที่ 943,000 ตำแหน่ง ดีกว่าที่คาดไว้ที่ 870,000 ตำแหน่งมาก นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นรอบนี้ยังสูงกว่าเดือนมิถุนายนถึง 20,000

.

การเพิ่มขึ้นของตลาดแรงงานทำให้อัตราการว่างงานลดลงจาก 5.9% ในเดือนมิถุนายนเหลือ 5.4% ในเดือนกรกฎาคม ไม่เพียงแต่มีผลดีต่อตลาดหุ้นเท่านั้น แต่ค่าเงินดอลลาร์และผลตอบแทนพันธบัตรยังแข็งค่าขึ้นอย่างมาก แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่ราคาดัชนี Dow Jones ไม่ตอบสนองต่อผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น

.

นอกจากนี้ หากการฟื้นตัวของตลาดแรงงานงานอาจเป็นตัวเร่งให้กับธนาคารกลางปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้น นี่อาจเป็นแรงกดดันที่ใหญ่ที่สุดต่อสินทรัพย์เสี่ยง แม้ว่าผู้ป่วยโควิด-19 เดลต้าจะยังมีปริมาณที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆในแตละวัน

.

แนวโน้มทางเทคนิค DJIA

แผนภูมิรายวันแสดงให้เห็นว่าดาวโจนส์กำลังพยายามแยกตัวออกจากรูปแบบสามเหลี่ยมจากน้อยไปมาก แม้ว่าการปิดของวันศุกร์จะทะลุจุดสูงสุดของแนวต้านที่ 15,195 แต่ราคาฟิวเจอร์สก็ลดต่ำลงในชั่วข้ามคืน อย่างไรก็ตาม หากดัชนีปิดตัวลงเป็นบวกในเซสชั่นของวันนี้ สิ่งนี้จะยืนยันการพักตัวของขาขึ้นและอาจนำไปสู่การซื้อโมเมนตัมอย่างเป็นระบบ

.

นอกจากนี้ ดาวโจนส์ยังอยู่เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50, 100 และ 200 วัน ที่ 34,618, 34,247 และ 32,430 ตามลำดับ ดัชนี Relative Strength Index (RSI) ค่อนข้างเป็นกลาง ซึ่งไม่ได้บ่งชี้ว่าการซื้อขายนั้นยืดเยื้อมากเกินไป

.

ดังนั้นแนวโน้มปัจจุบันจึงเป็นบวก ซึ่งจะยังคงอยู่ตราบเท่าที่ราคายังคงอยู่เหนือ 100 DMA ที่ 34,247 เส้นแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นตอกย้ำแนวรับนี้ที่ 34,180 หากราคาปิดต่ำกว่า 34,180 จะมีความเสี่ยงที่จะถูกขยายต่ำกว่า 200 DMA ที่ 32,340