ภาพรวมตลาดน้ำมันดิบช่วงนี้

ราคาน้ำมันดิบขยับสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเช้าวันอังคาร ท่ามกลางความหวังว่าอุปสงค์เชื้อเพลิงจากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่จะฟื้นตัวดีขึ้น แม้จะยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่บ้าง

โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตลาดการซื้อขายน้ำมันดิบเปิดตัวขึ้นลงอย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางเทศกาลวันหยุดตรุษจีนตลอดทั้งสัปดาห์ ซึ่งโรงงานและธุรกิจบางแห่งจะปิดทำการนานกว่านี้

ทั้งนี้ หากพิจารณาตาม Seasonal trend การบริโภคน้ำมันและการนำเข้าวัตถุดิบมักจะลดลงในช่วงนี้ และเมื่อเปิดทำการอีกครั้ง เรามักจะเห็นอุตสาหกรรมของจีนกลับมาทำงานแบบเต็มกำลังเพื่อชดเชยวันหยุด จึงทำให้ตลาดคาดหวังว่าปีนี้ก็อาจจะเป็นแบบเดียวกัน โดยตลาดคาดหวังว่าอุปสงค์น้ำมันดิบของจีนจะพุ่งสูงขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป จึงส่งผลให้ WTI และ Brent ดีดตัวกลับมาสูงขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ตลาดบางส่วนก็ยังคงกังวลว่าปีนี้อาจจะไม่เป็นเหมือนที่เคยเป็นมา เหตุเพราะสถานการณ์ไวรัสโคโรนาในจีนที่ยังคงระบาดอย่างหนัก ซึ่งจำนวนผู้ป่วยโควิดขั้นวิกฤติในโรงพยาบาลของจีนพุ่งสูง โดยมีผู้เสียชีวิตเกือบ 60,000 คนระหว่างวันที่ 8 ธันวาคม 2565 ถึง 12 มกราคม โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขคาดว่าผู้ติดเชื้อโควิดจะพุ่งสูงขึ้นมากอีกหลังวันหยุด เนื่องจากชาวจีนสามารถออกเดินทางได้อย่างอิสระเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีหลังการประกาศผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด

ทางด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีนได้ให้ข้อมูลเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า เชื้อไวรัสได้แพร่ระบาดและทำให้ประชานชนติดเชื้อไปแล้วประมาณ 80% จากประชากรทั้งหมด 1.4 พันล้านคน ซึ่งอาจส่งผลให้จีนเข้าสู่โหมดภูมิคุ้มกันหมู่ และหมายถึงอัตราความเสี่ยงในการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและเสียชีวิตที่น้อยลง

หากการคาดการณ์ของศูนย์ควบคุมฯเป็นจริง ก็จะส่งผลให้ความต้องการน้ำมันดิบในจีนอาจพุ่งสูงถึงหนึ่งพันล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ ตามการคาดการณ์ของรอยเตอร์ หรือสองพันล้านบาร์เรลต่อวัน ตามรายงานของ Bloomberg อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้กระทรวงคมนาคมของจีนก็ประเมินว่าจะมีการเดินทางของผู้โดยสารมากกว่า 2 พันล้านเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนุนที่ดีสำหรับความต้องการเชื้อเพลิงเช่นกัน

อย่างไรก็ดี ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและประเทศเศรษฐกิจตะวันตกอื่น ๆ เองก็อาจขัดขวางการบริโภคน้ำมันดิบในปีนี้ อีกทั้ง สหรัฐอเมริกาและประเทศส่วนใหญ่ในยูโรโซนก็กำลังต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและนโยบายการเงินที่เข้มงวดซึ่งคาดว่าจะดำเนินต่อไปตลอดทั้งปี

โดยในวันพฤหัสบดีนี้ สหรัฐฯ จะเผยแพร่ตัวเลขประมาณการครั้งแรกของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4 ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าที่ผ่านมาเศรษฐกิจจะขยายตัว 2.6% จาก 3.2% ในไตรมาสที่ 3 และคาดว่าจะต่ำลงกว่านี้ในไตรมาสต่อๆ ไป เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงกดดันอย่างต่อเนื่อง

ทางด้านปริมาณสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยจากผลสำรวจของรอยเตอร์ที่เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นคาดว่าจะลดลง

ทั้งนี้ แนวโน้มและทิศทางราคาน้ำมันดิบในช่วงระยะสั้นนี้จึงคาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงขาขึ้นอยู่บ้าง จากการผ่อนคลายมาตรการโควิดของจีน เสริมด้วยปัจจัยหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์ รวมถึงน้ำมัน มีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อที่ใช้สกุลเงินอื่น

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค

แนวต้านสำคัญ : 81.78, 81.86, 81.99

แนวรับสำคัญ : 81.52, 81.44, 81.31  

5H Outlook

1H Outlook         

ที่มา: Investing.com                                                      

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 81.42 - 81.52 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 81.52 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 81.77 และ SL ที่ประมาณ 81.39 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 81.78 - 81.88 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 81.95 และ SL ที่ประมาณ 81.52 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 81.78 - 81.88 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 81.78 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 81.47 และ SL ที่ประมาณ 81.91 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 81.42 - 81.52 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 81.35 และ SL ที่ประมาณ 81.75 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Jan 24, 2023 02:07PM GMT+7

Sources: Investing 1, Investing 2