ภาพรวมตลาดหุ้นยุโรปช่วงนี้
ตลาดหุ้นยุโรปขยับขึ้นในวันจันทร์ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากความคาดหวังว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยูโรโซนอาจจะไม่รุนแรงอย่างที่คิด
โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ดัชนี STOXX ได้เพิ่มขึ้น 6% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจท่ีดีเกินคาดและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ดีขึ้นในเยอรมัน
ล่าสุด ดัชนี Stoxx 600 ยุโรปปรับเพิ่มขึ้น 0.40% หลังจากลดลงเป็นสัปดาห์แรกของปีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่วนฟิวเจอร์ส EUROSTOXX เพิ่ม 0.5% และหุ้นเทคโนโลยียุโรปพุ่ง 1.4% ในขณะที่ดัชนี DAX ในเยอรมนีซื้อขายสูงขึ้น 0.74% CAC 40 ในฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 0.45% และ FTSE 100 ในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 0.22%
ทั้งนี้ สาเหตุที่มีการปรับตัวดีขึ้นคาดว่าส่วนใหญ่น่าจะมาจากราคาก๊าซในยุโรปที่ลดลง 60% ตั้งแต่เดือนธันวาคม และความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตพลังงานที่ไม่ได้เกิดขึ้น รวมถึงสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้ออาจอ่อนตัวลง การปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานหรือซัพลายเชน และการคาดการณ์การเติบโตทั่วโลกที่ดีขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการผ่อนคลายข้อจำกัด COVID-19 ในจีน ได้ทำให้เกิดความหวังว่าการชะลอตัวของภาคธุรกิจอาจไม่รุนแรงอย่างที่คิด นอกจากนี้ยังรวมถึงสาเหตุจากการปรับราคาลงของราคาน้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆในช่วงหลายเดือนที่ผ่าน ซึ่งได้บรรเทาแรงกดดันด้านต้นทุนของบริษัทลงด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปเองก็ยังคงถูกกดดันจากทิศทางของนโยบายการเงินจาก ECB อยู่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเงินยูโรได้แข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 9 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันจันทร์ ผลมาจากคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) Klaas Knot ผู้ซึ่งกล่าวว่าอัตราดอกเบี้ยในยูโรโซนคาดว่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้น 50 จุดในเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และเดือนต่อๆไปหลังจากนี้
นอกจากนี้ บริษัทต่างๆ ก็ได้ให้ความเห็นถึงความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ที่ทำให้ยากที่จะส่งต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้บริโภคในปีนี้ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการปรับลดตำแหน่งงาน จากการพยายามเปลี่ยนแปลงวิธีการทำกำไรในภาคธุรกิจเทคโนโลยี
โดยจากข้อมูลของ Refinitiv I/B/E/S ผลประกอบการไตรมาสสี่ของบริษัทในดัชนี STOXX 600 คาดว่าจะเติบโต 10.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบสองปี และเรื่องค่าจ้างเองก็ยังคงเป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจากตลาดงานที่ตึงตัว ส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตของเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นแรงกดดันให้ส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรของบริษัท ซึ่งก็จะส่งผลต่อราคาและอัตราเงินเฟ้อเป็นลำดับถัดไปเป็นวัฏจักร
อย่างไรก็ดี ในสัปดาห์นี้ เจ้าหน้าที่รวมถึงประธานของ ECB Christine Lagarde ก็มีกำหนดออกมาพูดเพิ่มเติมถึงทิศทางของธนาคารกลางยุโรป ก่อนการประชุมนโยบายครั้งต่อไปในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)
แนวต้านสำคัญ : 4151, 4157, 4167
แนวรับสำคัญ : 4131, 4125, 4115
5H Outlook
1H Outlook
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 4125 - 4131 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 4131 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4150 และ SL ที่ประมาณ 4123 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 4151 - 4157 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4164 และ SL ที่ประมาณ 4133 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 4151 - 4157 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 4151 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4126 และ SL ที่ประมาณ 4160 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 4125 - 4131 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4118 และ SL ที่ประมาณ 4149 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Jan 23, 2023 6:58PM GMT+7
Name | S3 | S2 | S1 | Pivot Points | R1 | R2 | R3 |
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 4100 | 4115 | 4126 | 4141 | 4152 | 4167 | 4178 |
Fibonacci | 4115 | 4125 | 4131 | 4141 | 4151 | 4157 | 4167 |
Camarilla | 4131 | 4133 | 4136 | 4141 | 4140 | 4143 | 4145 |
Woodie's | 4098 | 4114 | 4124 | 4140 | 4150 | 4166 | 4176 |
DeMark's | - | - | 4121 | 4138 | 4147 | - | - |
Sources: Investing 1, Investing 2, Investing 3
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: Blog