เจาะลึก! "​​​เงินตรายุคแรก" ของโลกคืออะไร มีความเป็นมาอย่างไร

img
Create at 1 year ago (Jun 21, 2022 15:03)

ความหมายของเงินตรายุคก่อนประวัติศาสตร์

ก่อนที่จะพูดถึง​​​ " เงินตรายุคแรก " ของโลก เราจะย้อนไปทำความรู้จักเงินตรายุคก่อนประวัติศาสตร์กันก่อน โดยความหมายของเงินตรายุคก่อนประวัติศาสตร์ คือ สื่อกลางในการแลกเปลี่ยนในยุคก่อนที่มนุษย์คิดค้นตัวอักษร ยังไม่มีเหรียญ ไม่มีธนบัตรใช้ โดยยุคก่อนประวัติศาสตร์ยุคแรกที่เก่าแก่ที่สุด คือ ยุคหิน ประกอบด้วยยุคหินเก่า หินกลาง และหินใหม่ ยุคหินนี้มนุษย์ยังอยู่ในถ้ำและใช้โลหะไม่เป็น เครื่องมือเครื่องใช้ทุกชนิดล้วนทำจากหินแม่น้ำและเปลือกหอย เช่น ขวานหินและกำไลเปลือกหอย ที่ต้องใช้ความอดทนและเวลาในการผลิตเป็นอย่างมาก บ่อยครั้งที่ติดต่อแลกเปลี่ยนสิ่งของระหว่างกันจึงใช้เครื่องมือเครื่องใช้เหล่านี้เป็นสื่อกลางในการแลกด้วย ขวานหิน กำไล และเครื่องประดับต่าง ๆ นี้ จึงนับเป็นเงินตราในยุคหินด้วย
 

เงินตรายุคแรก-ยุคหิน

- ยุคหิน -
 
นอกจากนี้ยุคก่อนประวัติศาสตร์ยังประกอบด้วย ยุคสำริด เป็นยุคแรกที่มนุษย์เริ่มใช้โลหะเป็น โดยเริ่มจากกลุ่มโลหะพื้นฐานที่มีมูลค่าต่ำ คือ ทองแดงผสมกับดีบุก ผู้คนในยุคนี้นำสำริดไปใช้ทำอาวุธ เครื่องประดับ ทั้งกำไล สร้อยคอ สร้อยข้อมือ เครื่องใช้และเครื่องดนตรีต่าง ๆ โดยยุคสำริดนี้ยังมีการริเริ่มทำภาชนะดินเผาซึ่งนับเป็นของมีค่า เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่สามารถแลกกับสิ่งของต่าง ๆ ได้ โดยหินแม่น้ำ เปลือกหอย สำริด และภาชนะดินเผาที่ได้ล้วนมีความคงทนไม่เน่าเสียง่าย และสำริดหรือโลหะต่าง ๆ ยังสามารถแปรรูปโดยไม่เสียคุณสมบัติเดิม ทำให้ภายหลังในเวลาต่อมาความนิยมในการใช้โลหะมีค่าก้อนเล็ก ๆ แลกกับสินค้าจำนวนมากได้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง และในที่สุดโลหะมีค่าได้เข้ามาเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่นิยมมากที่สุด      ​
ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ คนเรามีการแลกเปลี่ยนผลิตผลระหว่างกัน เช่น การนำขวานหินไปแลกข้าวหรือเนื้อสัตว์ ต่อมาจึงมีการใช้สิ่งมีค่า และเป็นที่ต้องการของทั้งสองฝ่ายเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ได้แก่ เปลือกหอย เมล็ดพืช ปศุสัตว์ ลูกปัด ขวานทองแดง หัวธนู เครื่องมือการเกษตร เป็นต้น และในที่สุดได้นำโลหะทองแดง โลหะเงิน โลหะทอง ซึ่งหายาก มีความคงทน ตัดแบ่งได้ง่ายมาใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เมื่อมีการรวมดินแดนต่าง ๆ เข้าด้วยกันเป็นประเทศในสมัยโบราณ ผู้มีอำนาจในการปกครองได้ใช้ตราเครื่องหมายของตนประทับลงบนเม็ดเงินที่ใช้ชำระหนี้ โลหะเงินประทับตราจึงเกิดเป็นเงินตราขึ้น

ระบบการแลกเปลี่ยน (Barter System)

การติดต่อกันเพื่อแลกเปลี่ยนผลิตผลกับวัตถุอื่นที่ต้องการทำให้เกิดระบบการแลกเปลี่ยน (Barter System) โดยตรงขึ้นนั้น ทำให้มีความสะดวกในการดำรงชีวิตมาก​ขึ้นจากวัตถุหลายชนิดที่ไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้ เนื่องจากขาดวัตถุดิบหรือขาดความรู้ในการผลิต ดังนั้นจึงทำให้มีการแลกเปลี่ยนวัตถุต่อวัตถุอย่างกว้างขวางและติดต่อกันเป็นเวลานานจนเข้าสู่ยุคสำริด เมื่อประมาณ 3,000-2,500 ปีมาแล้ว ที่ผู้มีความนิยมโลหะสำริดซึ่งมีคุณสมบัติดีกว่าเครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องประดับที่ทำจากหิน กระดูกหรือเปลือกหอยมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้เรียนรู้คุณสมบัติโลหะสำริดที่มีเหนือกว่าวัตถุอื่นที่นำมาใช้แลกเปลี่ยนโดยตรง ดังเช่น สามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่เน่าเปือยเสียหาย สามารถตัดแบ่งเป็นก้อนเล็ก ๆ ได้โดยไม่ทำให้เสียคุณสมบัติของโลหะไปแล้วยังสามารถนำไปหลอมรวมกันเป็นโลหะก้อนใหญ่ได้โดยมีคุณสมบัติเหมือนเดิมความที่โลหะสามารถนำไปหลอมหรือผลิตวัตถุรูปทรงต่าง ๆ ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถนำไปทำอาวุธที่มีความยาว ความแข็ง และมีความคมกว่าขวานหินหรือมีดที่ทำจากกระดูก ความนิยมโลหะสำริดจึงเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางโดยนำไปทำภาชนะ เครื่องประดับ เครื่องใช้ เครื่องดนตรี และอาวุธ
 

​​​เงินตรายุคแรก-ยุคสำริด

- ยุคสำริด -
 
จากความนิยมใช้โลหะสำริดอย่างกว้างขวางนี้ได้เกิดยุคสำริดขึ้น ซึ่งนอกจากโลหะสำริดแล้วยังนิยมใช้โลหะอื่น เช่น เงิน ทองคำ ทองแดง และดีบุก เป็นตัวกลางการแลกเปลี่ยนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็นิยมใช้โลหะชนิดต่าง ๆ เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมากกว่าวัตถุชนิดอื่น การกำหนดมูลค่าของโลหะแต่ละชนิดนั้นขึ้นอยู่กับชนิดและน้ำหนักของโลหะ บางชนิดหายาก หาง่​าย และมีน้ำหนักใน (ปริมาณ) มากน้อยต่างกัน รวมถึงความสวยงามต่างกัน ด้วยเหตุนี้จึงสามารถจัดลำดับของมูลค่าของโลหะแต่ละชนิด ได้เเก่ ทองคำ เงิน ทองแดง และดึีบุก โดยที่โลหะเงินมีมูลค่าระหว่างกลางไม่สูงเหมือนทองคำและไม่ต่ำเหมือนดีบุกและทองแดง จึงเหมาะแก่การนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมากที่สุด ​
 
มนุษย์เริ่มใช้แร่เงินกับทองคำเป็นเมื่อประมาณ 2,600 ปีก่อน โดยเริ่มจากชาวลิเดียซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศตุรกีปัจจุบัน ได้นำโลหะเงินผสมทองคำตามธรรมชาติที่ เรียกว่า อีเล็กตรัม มาประทับตราและใช้เป็นเงินตราครั้งแรกโดยมีการประทับตราของพระเจ้าแผ่นดินลงไปด้วยเพื่อรับรองน้ำหนักของก้อนโลหะแต่ละก้อนที่ใช้ชำระหนี้ทำให้เกิด "พิกัดราคา" ที่มีมาตรฐานขึ้น โดยก้อนโลหะที่ประทับตราและราคาแน่นอนนี้ เรียกว่า "เงินตรา" และ "เหรียญกษาปณ์" เงินตราในยุคแรกของโลกมีวิธีการทำที่ไม่ยุ่งยากมากนัก
 
โดยเริ่มจากการนำก้อนโลหะมาแบ่งออกตามน้ำหนักมาตรฐานนำมาวางบนทั่งเหล็กที่แกะตราสัญลักษณ์ไว้แล้วใช้ค้อนทุบก้อนโลหะลงไป ก้อนโลหะก็จะประทับตรารูปสัญลักษณ์นั้นไว้ เรียกกันว่า เหรียญตอกตรา อย่างไรก็ตาม การผลิตเงินตราด้วยวิธีใหม่นี้ทำให้พวกพ่อค้าและผู้ที่จำเป็นต้องใช้เงินตรามีความสะดวก ไม่ต้องเสียเวลาในการตัดโลหะมีค่าและชั่งน้ำหนักทดสอบทุกครั้งที่มีการซื้อสินค้าหรือชำระหนี้อีกต่อไป ทำให้การค้าขายเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้นโดยสัญลักษณ์ที่ปรากฏบนเหรียญในช่วงแรกนี้มักเป็นรูปเทพเจ้าที่เคารพ รูปหน้ากษัตริย์ และตราประจำเมือง ต่อมาชาวกรีกได้นำระบบนี้มาใช้ผลิตเงินตราของตนเองแล้วแพร่ไปยังประเทศต่าง ๆ รอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน การใช้ก้อนโลหะเงินเป็นเงินตราจึงแพร่กระจายออกไปในทวีปยุโรปและพัฒนาต่อมาเป็นเหรียญเงิน
 
นอกจากนี้ในทวีปอื่น ๆ ก็มีการนำโลหะชนิดอื่นมาผลิตเป็นเงินตราด้วย เช่น เงินมีดและเงินจอบของจีนที่ผลิตจากสำริด เงินกำไลทองแดงของประเทศไนจีเรีย เงินทองแดงรูปกากบาทของประเทศคองโก และเงินห่วงทองคำของประเทศอียิปต์และซูดาน รวมทั้งการใช้หอยเบี้ยในทวีปเอเชียและแอฟริกา เป็นต้น
 

​​เงินตรายุคแรก-เหรียญเงินกรีกโบราณ

เหรียญเงินกรีกโบราณ 185-180 BC.

​​​เงินตรายุคแรก-เหรียญเงินเปอร์เซียร์

เหรียญเงินเปอร์เซียร์ (ซัสซาเนีย) 559-330 BC.
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันข่าว&สถานการณ์โลก: คลิกที่นี่
บทวิเคราะห์เชิงเทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

Forex News

TECHNICAL ANALYSIS