หากใครอยู่ในตลาดเงินและมีการลงทุนอยู่เสมอจะสังเกตได้ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่มักติดตามรายงานผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และตัวเลขทางเศรษฐกิจต่าง ๆ เพื่อคาดการณ์แนวโน้มของนโยบายดอกเบี้ยที่ FED จะกำหนดออกมา ซึ่งดอกเบี้ยเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ในตลาดทั้งสิ้น โดยบทความนี้จะอธิบายถึงความสำคัญของนโยบายดอกเบี้ย เพื่อที่นักลงทุนจะได้วางแผนการลงทุนได้อย่างถูกต้อง
ทำไมนโยบายดอกเบี้ยของ FED ถึงมีความสำคัญกับนักลงทุน ?
สำหรับคำถามนี้ ภาพข้างล่างอธิบายได้เป็นอย่างดี หากเราย้อนกลับไปดู 30 ปี หลังจากที่ FED ได้มีการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยที่ล่าช้าเกินไป (Behind the curve) และทำให้ต้องขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
เส้นฟ้าอ่อน : เป็นตลาดแรงงาน
เส้นฟ้าเข้ม : เป็นนโยบายดอกเบี้ย
1. ถ้าคนตกงานเพิ่มขึ้นแสดงว่า คนทั่วไปจะมีรายได้ลดลง เงินที่จะนำไปซื้อของก็ลดลง ทำให้บริษัทกำไรลดลง และส่งผลต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นให้มีการปรับตัวลงแรง จะเห็นว่า เมื่อจำนวนคนตกงานเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่ FED ทำในช่วง 30 ปีหลัง คือ ลดดอกเบี้ยนโยบายลง ส่งผลให้ตลาดแรงงานเริ่มเกิดการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง คนเริ่มมีรายได้ คนเริ่มใช้เงิน บริษัทกำไรเยอะขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น ขยายธุรกิจ และเกิดการจ้างงานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเศรษฐกิจเริ่มคงที่ FED จะค่อย ๆ ขึ้นดอกเบี้ยในที่สุด
2. การลดดอกเบี้ยก็เหมือนเป็นการลดต้นทุน ทำให้บริษัทส่วนใหญ่เริ่มทำการกู้เงิน และเกิดการขยายงาน นำมาถึงการจ้างงานในภาคส่วนอื่น ๆ
3. ในทางกลับกัน เมื่อการจ้างงานรวมถึงเศรษฐกิจร้อนแรงมาก ๆ แน่นอนมันจะนำมาซึ่งเงินเฟ้อ หรือแม้กระทั่งการขยายงานโดยกู้มาเป็นจำนวนมาก เมื่อสภาวะทางการเงินเริ่มเสี่ยง FED จะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น และนั่นทำให้การจ้างงานชะลอตัว เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้น (เพิ่มจากส่วนไหนบ้าง ก็จะเป็นส่วนดอกเบี้ยและค่าจ้าง เพราะเมื่อตลาดแรงงานร้อนแรง ค่าแรงก็ต้องเพิ่มขึ้น เมื่อต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้น บริษัทก็มักจะผลักภาระเหล่านี้ให้ผู้บริโภค ทำให้เงินเฟ้อรุนแรงมากขึ้นตาม)
และเมื่อเมื่อเศรษฐกิจเริ่มลดความร้อนแรงลง การจ้างงานก็มักจะลดลง รวมถึงคนตกงานก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะวนลูปไปที่ข้อ 1 เมื่อคนตกงานมากขึ้น คนใช้จ่ายลดลง เงินเฟ้อลดลง กำไรบริษัทลดลง หุ้นก็มักจะเริ่มปรับตัวลง ซึ่งเป็นเหตุผลง่าย ๆ ว่าทำไมคนถึงกลัวว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยในจำนวนที่มาก นอกจากนี้ยังส่งผลต่อสภาพคล่องในตลาดหุ้น ทำให้นักลงทุนมีความเสี่ยงมากขึ้นนั่นเอง